24 Jun, 2021 | สุมุกดา ฉิมโพธิ์กลาง | No Comments
การนอนหลับเพื่อสุขภาพ
ทำความเข้าใจกับการนอนหลับที่ดีต่อสุขภาพ
ในโลกที่หมุนไปอย่างรวดเร็วการ การนอนหลับฝันดี กลายเป็นสิ่งที่ช่วยให้รู้สึกผ่อนคลาย การนอนมีความสำคัญละดับต้นๆของกิจกรรมหลังเลิกงาน โดยกิจกรรมอื่นๆที่มักทำหลังเลิกงานได้ลดน้อยลง เช่น กิจกรรมการสังสรรค์ และกิจกรรมความบันเทิง
อย่างไรก็ตามการนอนหลับไม่ควรจะหรูหรา การนอนหลับที่ดีมีความสำคัญต่อสุขภาพร่างกายและจิตใจของคุณพอๆกับอาหารและน้ำ
ความต้องการการนอนหลับของร่างกายเป็นงานวิจัยที่ค่อนข้างใหม่ นักวิทยาศาสตร์กำลังศึกษาว่าเกิดอะไรขึ้นกับร่างกายระหว่างการนอนหลับและเหตุใดการนอนหลับจึงมีความสำคัญต่อร่างกาย การนอนหลับมีความจำเป็นเพื่อ
● รักษาการทำงานของร่างกายที่สำคัญ
● เพิ่มพลังงานให้ร่างกาย
● ซ่อมแซมกล้ามเนื้อ
● ช่วยให้สมองมีการประมวลผลข้อมูลใหม่
เราทราบกันดีว่าจะเกิดอะไรขึ้น เมื่อร่างกายไม่ได้รับการนอนหลับที่เพียงพอ การอดนอน (Sleep deprivation) อาจทำให้เกิดปัญหาทางจิตใจและร่างกายหลายอย่าง รวมถึงทำให้ความสามารถต่างๆของคุณลดลงด้วย เช่น
● การคิดวิเคราห์ลดลง
● การจดจ่อต่อสิ่งใดสิ่งหนึ่งลดลง
● ตอบสนองช้าลง
● ควบคุมอารมณ์ได้น้อยลง
ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดปัญหาร้ายแรงในที่ทำงานและการใช้ชีวิตประจำวัน
การอดนอนเรื้อรังมีความเสี่ยงที่จะเกิดปัญหาสุขภาพที่รุนแรง เช่น โรคนอนไม่หลับ โรคเบาหวาน โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคอ้วนและภาวะซึมเศร้า นอกจากนี้ยังสามารถทำให้ ระบบภูมิคุ้มกันลดลงด้วย ส่งผลให้ความสามารถของร่างกายในการต่อสู้กับการติดเชื้อและเชื้อโรคลดลง
คุณต้องการการนอนหลับมากแค่ไหน?
พฤติกรรมการนอนของเรา – และความต้องการการนอนหลับ – เปลี่ยนไปเมื่อเราอายุมากขึ้น
ตามคำแนะนำจากมูลนิธิการนอนแห่งชาติ(National Sleep Foundation) คุณควรมีเป้าหมายการนอนตามปริมาณของการนอนหลับข้างล่างนี้:
อายุ |
คำแนะนำ |
65 ปีขึ้นไป |
7 ถึง 8 ชั่วโมง |
18-64 ปี |
7-9 ชั่วโมง |
14-17 ปี |
8 ถึง 10 ชั่วโมง |
6 ถึง 13 ปี |
9 ถึง 11 ชั่วโมง |
เด็กเล็ก มีความต้องการการนอนหลับที่มากขึ้น เด็กหลายคนจะบรรลุเป้าหมายการนอนหลับได้ด้วยการงีบหลับตอนกลางวัน
อายุ |
คำแนะนำการนอน |
3 ถึง 5 ปี |
10 ถึง 13 ชั่วโมง |
1 ถึง 2 ปี |
11 ถึง 14 ชั่วโมง |
4 ถึง 11 เดือน |
12 ถึง 15 ชั่วโมง |
0 ถึง 3 เดือนอายุ |
14 ถึง 17 ชั่วโมง |
ปัจจัยบางอย่างมีผลต่อการนอนหลับมากกว่าที่คุณต้องการ พันธุกรรมสามารถกำหนดระยะเวลาที่คุณนอนหลับได้ ยีนของคุณยังมีบทบาทในการตอบสนองต่อการอดนอน หรือการนอนไม่หลับอีกด้วย
ในทำนองเดียวกันคุณภาพของการนอนหลับที่คุณได้รับในแต่ละคืน เป็นปัจจัยสำคัญมากกว่าระยะเวลาที่นอนหลับในแต่ละคืน ผู้ที่ได้รับการนอนหลับอย่างมีคุณภาพโดยไม่ตื่นตอนกลางคืนอาจต้องการการนอนหลับน้อยกว่าคนที่ตื่นบ่อยหรือมีปัญหาในการนอนหลับ
เคล็ดลับและเทคนิคการช่วยให้นอนหลับ
การนอนหลับที่ดีอาจช่วยให้ร่างกายของคุณ (และสมองของคุณ) ทำงานได้ดีขึ้น นานขึ้นและฟื้นฟูพลังได้มากขึ้น รายการต่อไปนี้คือแนวคิดในการส่งเสริมคุณภาพการนอนหลับ และระยะเวลาการนอนหลับในแต่ละคืน
มีเวลาที่แน่นอนในการเข้านอน
การเข้านอนเป็นประจำและสม่ำเสมอในเวลาเดิมๆสามารถฝึกร่างกายให้นอนหลับได้ดีขึ้น ควรยึดติดกับตารางเวลานอนแม้ในวันหยุดสุดสัปดาห์ วันหยุดงานและวันหยุดพักผ่อน
เอาสัตว์เลี้ยงออกจากห้องนอน
คุณอาจชื่นชอบการนอนกับสัตว์เลี้ยงของคุณ แต่การวิจัยแสดงให้เห็นว่าเจ้าของสัตว์เลี้ยงที่ปล่อยให้สัตว์นอนกับพวกเขา ทำให้รบกวนการนอนหลับมากขึ้น และมีคุณภาพการนอนหลับที่ต่ำลง
งดการบริโภคคาเฟอีน
แม้ว่าคุณจะบริโภคแค่ในตอนกลางวัน แต่การกระตุ้นของคาเฟอีนอาจทำให้คุณนอนไม่หลับ กระสับกระส่าย
อย่ารับประทานอาหารหรือดื่มเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน เกินช่วงบ่ายเป็นต้นไปเพราะจะทำให้เกิดอาการนอนไม่หลับ สมองตื่นตัว หรืออาการใจสั่นนอนไม่หลับ โดยเครืองดื่มเหล่านั้นรวมถึง:
● ชา
● น้ำอัดลม
● ช๊อคโกแลต
วางโทรศัพท์ของคุณลง
วางอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ และอุปกรณ์อื่นๆที่มีแสงอย่างน้อย 1 ชั่วโมงก่อนนอน แสงไฟที่สว่างมากๆสามารถกระตุ้นสมองของคุณ ซึ่งอาจทำให้นอนหลับยากขึ้น
งดดื่มแอลกอฮอล์
ถ้าคุณชอบจิบไวน์ขณะดูทีวีก็ถึงเวลาที่จะทำลายนิสัยนี้ไป นั่นเป็นเพราะ แอลกอฮอล์ รบกวนคลื่นสมองและรูปแบบการนอนหลับตามธรรมชาติของคุณ ทำให้นอนไม่หลับ ปวดหัว
แม้ว่าคุณจะนอนหลับตลอดทั้งคืน แต่เมื่อคุณตื่นขึ้นมาคุณจะรู้สึกไม่ได้พักผ่อน
ท้ายที่สุด
การนอนหลับที่ดีคือการสร้างนิสัยที่ดีในการนอนหลับ
ความผิดปกติด้านการนอน
ความผิดปกติด้านการนอนหลับ (Sleep disorders) เป็นภาวะที่ทำให้คุณนอนหลับไม่สนิทเป็นประจำ การรบกวนการนอนหลับเป็นครั้งคราว เช่น เจ็ตแล๊ค (jet lag) อาการเครียด นอนไม่หลับ และตารางงานที่ยุ่ง อาจรบกวนการนอนหลับของคุณได้ อย่างไรก็ตามหากการนอนหลับของคุณถูกรบกวนเป็นประจำ อาจเป็นสัญญาณของความผิดปกติในการนอนหลับ
ความผิดปกติของการนอนหลับที่พบบ่อยมีหลายประการ
● โรคนอนไม่หลับ(Insomnia) เป็นภาวะที่พบว่ามีปัญหาในการง่วงนอน มีปัญหาในการนอนไปแล้วตื่นขึ้นมา หรือทั้งสองอย่าง
● ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ(Sleep apnea) เป็น อาการรบกวนการนอนหลับ ที่เกิดขึ้นเมื่อทางเดินหายใจส่วนบนของคุณถูกปิดกั้นซ้ำๆ ในขณะที่คุณนอนหลับ
● โรคลมหลับ(Narcolepsy) พบว่า เกิดการง่วงนอนในตอนกลางวัน ซึ่งมีลักษณะเฉพาะคือ รู้สึกง่วงมากหรือหลับไปโดยไม่มีการเตือนล่วงหน้า
● โรคขาอยู่ไม่สุข (Restless leg syndrome) เป็นความรู้สึกที่คุณต้องขยับขาตลอดเวลาแม้ในขณะหลับ
● การเคลื่อนไหวผิดปกติของร่างกายระหว่างนอนหลับ (Parasomnias) มีพฤติกรรมที่ผิดปกติหรือการเคลื่อนไหวผิดปกติระหว่างการนอนหลับ เช่นฝันร้ายและการเดินละเมอ
คุณภาพการนอนหลับมีความสำคัญพอๆกับปริมาณการนอนหลับ
หลายคนที่เป็นโรคความผิดปกติในการนอนหลับ มักจะมีเวลานอนหลับที่เพียงพอ แต่ไม่ถึงขั้นหลับลึกพอที่จะรู้สึกได้รับการพักผ่อนและรู้สึกสดชื่นในตอนเช้า การตื่นขึ้นมาในตอนกลางคืนบ่อยๆ สามารถขัดขวางไม่ให้คุณเข้าสู่ขั้นตอนสำคัญของการนอนหลับได้
ความผิดปกติของการนอนหลับอาจมาจากภาวะโรคในทางการแพทย์ได้
ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ(Sleep apnea)
ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ เป็นความผิดปกติของการนอนหลับที่พบบ่อย เกิดขึ้นเมื่อกล้ามเนื้อด้านหลังลำคอคลายตัว จากนั้นทางเดินหายใจแคบลงหรือปิดลง ด้วยการปิดกั้นทางเดินหายใจของเนื้อเยื่อ คุณจะไม่สามารถรับอากาศเข้าในปอดได้และอากาศจะไม่สามารถออกมาข้างนอกได้
ในระหว่างการหยุดหายใจขณะหลับ คุณจะหยุดหายใจซ้ำๆ ในระหว่างการนอนหลับ คุณจะตื่นขึ้นมาในช่วงสั้นๆเพื่อกลับมาหายใจต่อ แม้ว่าคุณจะไม่รู้ตัวก็ตาม
การนอนหลับที่ถูกขัดจังหวะอาจทำให้เกิดอาการต่างๆ เช่น
● ง่วงนอนตอนกลางวันมากเกินไป
● นอนกรน
● การอดนอน
● ภาวะนอนไม่หลับ
● ปากแห้ง
● ปวดศีรษะ
หากปล่อยทิ้งไว้โดยไม่ได้รับการรักษา ภาวะหยุดหายใจขณะหลับอาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนในระยะยาวและความเสี่ยงต่อสุขภาพ เช่น โรคหัวใจ ความจำเสื่อม เบาหวาน และความดันโลหิตสูง.
หากภาวะหยุดหายใจขณะหลับไม่รุนแรง แพทย์อาจแนะนำให้เปลี่ยนวิถีชีวิต เหล่านี้เช่น:
● การลดน้ำหนัก
● เลิกสูบบุหรี่
● รักษา อาการภูมิแพ้ทางจมูก
สำหรับกรณีที่มีอาการปานกลางหรือรุนแรง แพทย์อาจสั่งให้ใช้เครื่องช่วยหายใจต่อเนื่อง (CPAP) อุปกรณ์นี้ให้การไหลของอากาศอย่างสม่ำเสมอผ่านหน้ากากที่สวมไว้ที่ปากและจมูก กระแสอากาศนี้ป้องกันไม่ให้ทางเดินหายใจปิดกั้นเมื่อคุณหลับ
หากการรักษาเหล่านี้ไม่ประสบความสำเร็จ แพทย์อาจพิจารณา การผ่าตัด เพื่อเอากล้ามเนื้อหรือเนื้อเยื่อที่ปิดทางเดินหายใจของคุณออก แพทย์อาจพิจารณาการผ่าตัดขากรรไกรด้วย ขั้นตอนนี้จะเคลื่อนขากรรไกรไปข้างหน้ามากพอที่อากาศจะเคลื่อนไปด้านหลังลิ้นและเพดานอ่อนได้อย่างอิสระ
หากไม่ได้รับการรักษา ภาวะหยุดหายใจขณะหลับอาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนทางการแพทย์ที่รุนแรงได้
อัมพาตจากการนอนหลับหรือผีอำ (Sleep paralysis)
อัมพาตจากการนอนหลับ หรือ ผีอำ เป็นภาวะที่มีสูญเสียการควบคุมและการทำงานของกล้ามเนื้อชั่วคราว เกิดขึ้นในช่วงเวลาก่อนหรือหลังคุณหลับ นอกจากนี้ยังสามารถเกิดขึ้นได้ในขณะที่คุณพยายามจะตื่น
โรคอัมพาตจากการนอนหลับหรือผีอำ เป็นหนึ่งในสิ่งรบกวนการนอนหลับที่พบบ่อยที่สุด ในการศึกษา มีประมาณร้อยละ 7 ผู้ทดสอบมีการเกิดภาวะผีอำที่สัมผัสได้
อาการของโรคอัมพาตจากการนอนหลับหรือผีอำ คือการไม่สามารถขยับแขน ขา ลำตัว หรือศีรษะได้ในขณะที่คุณพยายามนอน หรือตื่น ภาวะนี้อาจใช้เวลาไม่กี่วินาทีหรือหลายนาที
อัมพาตจากการนอนหลับหรือผีอำ ไม่ได้มีสาเหตุเดียว แต่มักพบว่าเป็นภาวะแทรกซ้อนของโรคอื่นๆ ด้วย
ตัวอย่างเช่น ผู้ที่มีอาการง่วงนอน หรือภาวะอื่นๆ เช่นภาวะปัญหาสุขภาพจิต ภาวะการอดนอน การใช้ยาและการใช้สารเสพติด เป็นต้น
การรักษาอัมพาตจากการนอนหลับ ส่วนใหญ่มีจุดมุ่งหมายเพื่อแก้ปัญหาที่อาจทำให้สูญเสียการทำงานของกล้ามเนื้อในตอนแรก
ยกตัวอย่างเช่น แพทย์อาจจ่ายยาต้านอาการซึมเศร้าให้กับผู้ที่มีอาการอัมพาตจากการนอนหลับ ที่มีสาเหตุมาจากปัญหาสุขภาพจิต หรือมีอาการของโรคสองอารมณ์(bipolar disorder) เป็นต้น
การนอนและโรคนอนไม่หลับ (Sleep and insomnia)
โรคนอนไม่หลับ (Insomnia) เป็นความผิดปกติของการนอนที่พบบ่อยที่สุด โดยประมาณ 1 ใน 3 ของผู้ใหญ่ พบว่ามีอาการนอนไม่หลับ และผู้ใหญ่มากกว่าร้อยละ 10 มีอาการรุนแรงพอที่จะถูกวินิจฉัยและควรได้รับการรักษาในโรงพยาบาล
หากคุณมีอาการของโรคนอนไม่หลับ คุณอาจพบว่าไม่ง่วงเมื่อถึงเวลานอนหรือนอนไปแล้วตื่นขึ้นมาใหม่ นอกจากนี้ยังพบว่ามีการตื่นเช้าเกินไป หรือรู้สึกไม่สดชื่นหลังตื่นนอน
ประเภทของโรคนอนไม่หลับ
การนอนไม่หลับชั่วคราว(Temporary insomnia) อาจเกิดจากเหตุการณ์ในชีวิตแต่ละวัน รวมทั้งความเครียด การบาดเจ็บ หรือการตั้งครรภ์ รวมไปถึงการเปลี่ยนแปลงใหม่ๆในชีวิต เช่น การเริ่มงานที่ยังไม่ชินกับเวลาในการทำงาน สิ่งเหล่านี้อาจทำให้นอนไม่หลับชั่วคราวได้
การนอนไม่หลับเรื้อรัง (Chronic insomnia) อาจเป็นผลมาจากความผิดปกติหรือภาวะโรคอื่นเช่น
● โรคอ้วน
● ปวดหลัง
● อาการปวดเข่า
● ความวิตกกังวลหรือภาวะซึมเศร้า
● วัยหมดประจำเดือน
● การใช้สารเสพติด
การรักษา
การรักษาโดยทั่วไปสำหรับโรคนอนไม่หลับ ได้แก่
● เทคนิคการปรับความคิดและการปรับพฤติกรรม (Cognitive Behavioral Therapy) คุณจะได้พูดคุย กับนักบำบัด เพื่อรักษาปัญหาสุขภาพจิตที่เป็นสาเหตุของการนอนไม่หลับ เช่นความวิตกกังวล หรือภาวะซึมเศร้า
● การฝึกให้มีสุขอนามัยในการนอนหลับ(Sleep hygiene) ผู้เชี่ยวชาญด้านการนอนหลับจะพูดคุยให้คำปรึกษากับคุณ เพื่อสร้างแนวทางปฏิบัติให้นอนหลับได้ดีขึ้น
● การรักษาโรคหรือภาวะที่เป็นต้นเหตุให้เกิดการนอนไม่หลับ แพทย์จะระบุโรคหรือภาวะ ที่อาจส่งผลต่อปัญหาการนอนหลับ และพยายามรักษาโรคนั้นๆไปพร้อมกับปัญหาการนอนไม่หลับ
● การใช้ยา ในระยะสั้น ยานอนหลับบางชนิด อาจช่วยบรรเทาอาการนอนไม่หลับได้
● การเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิต การปรับตารางเวลาและกิจกรรมประจำวัน อาจเป็นประโยชน์และช่วยให้นอนหลับได้ดีขึ้น ซึ่งรวมถึงการหลีกเลี่ยง คาเฟอีน และออกกำลังกายเมื่อใกล้เวลานอน เพราะจะทำให้ตาค้าง นอนไม่หลับ
● รักษาจากสาเหตุที่เป็น เช่นหากเป็นโรคกรดไหลย้อน นอนไม่หลับ ควรแก้อาการนี้ให้หาย หรืออาจจะจากเหตุอื่น ๆ
เป้าหมายหลักของการรักษาอาการนอนไม่หลับคือการช่วยให้คุณนอนหลับได้ง่ายขึ้น เป้าหมายรองคือการช่วยรักษาสาเหตุหรือโรคที่ทำให้คุณไม่สามารถนอนหลับได้
การอดนอน(Sleep deprivation)
การอดนอนสะสมมีผลต่อสุขภาพของคุณ ยิ่งคุณนอนหลับไม่เพียงพอนานเท่าไหร่ ปัญหาสุขภาพของคุณก็จะยิ่งแย่ลงเท่านั้น
การอดนอนเป็นเวลานานอาจทำให้เกิดปัญหาต่างๆ ในแต่ละด้าน เช่น
ความจำ
ในระหว่างการนอนหลับ สมองของคุณจะล้างคราบจุลินทรีย์และโปรตีนที่ก่อตัวขึ้นในระหว่างวัน หากไม่มีการนอนหลับที่เหมาะสมคราบจุลินทรีย์และโปรตีนเหล่านี้อาจยังคงอยู่
เมื่อเวลาผ่านไปสิ่งนี้อาจรบกวนการประมวลผล การจดจำ และการรับรู้ข้อมูลใหม่ๆ รวมถึงความทรงจำระยะยาว
ภูมิคุ้มกันอ่อนแอลง
ถ้าคุณไม่ได้นอนหลับอย่างเพียงพอ ภูมิคุ้มกันของร่างกายของคุณจะไม่สามารถออกมาต่อสู้กับแบคทีเรียและไวรัสที่บุกรุกเข้ามาใร่างกาย รวมไปถึงโรคไข้หวัดธรรมดาและไข้หวัดใหญ่
ความต้องการทางเพศลดลง
คนที่มีการอดนอนอาจมีความต้องการทางเพศลดลง เนื่องจากการลดลงในระดับของฮอร์โมนเพศชาย (testosterone)
ภาวะหัวใจและหลอดเลือด
โรคหัวใจ โรคความดันโลหิตสูง และภาวะหัวใจและหลอดเลือดอื่นๆ พบได้บ่อยในผู้ที่อดนอนเรื้อรัง
น้ำหนักมากขึ้น
การวิจัยแสดงให้เห็นว่าการนอนหลับไม่เพียงพอทำให้คุณอยากอาหารที่มีไขมันสูงและมีแคลอรีสูง นอกจากนี้สารเคมีในสมองของคุณที่ควบคุมการอิ่มก็จะไม่ทำงาน ทำให้คุณกินไม่หยุด ส่งผลให้คุณมีน้ำหนักเพิ่มขึ้น
ลองนึกถึงร่างกายที่อดนอนเป็นรถที่มียางแบน รถกำลังวิ่งอยู่ แต่เคลื่อนตัวช้าลงด้วยความสามารถที่น้อยลงและใช้พลังงานน้อยลง ยิ่งคุณขับรถในสภาพนั้นนานเท่าไหร่ รถของคุณก็จะยิ่งเสียหายมากขึ้นเท่านั้น
นอกจากปัญหาสุขภาพที่รุนแรงมากขึ้นแล้ว การอดนอนยังทำให้การทรงตัวไม่ดีและเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ
ประโยชน์ของการนอนหลับ
การนอนหลับอย่างมีคุณภาพสามารถขจัดปัญหาระยะสั้นได้หลายอย่าง เช่นความเหนื่อยล้า และปัญหาในการจดจ่อหรือสมาธิ นอกจากนี้ยังสามารถป้องกันปัญหาสุขภาพที่ร้ายแรงในระยะยาวได้ด้วย
ประโยชน์ของการนอนหลับที่ดี ได้แก่ :
● ลดการอักเสบ การสูญเสียการนอนหลับที่ดีอาจทำให้เกิดการอักเสบทั่วร่างกายซึ่งนำไปสู่ความเสียหายของเซลล์และเนื้อเยื่อ การอักเสบในระยะยาวอาจนำไปสู่ปัญหาสุขภาพเรื้อรัง เช่น โรคลำไส้อักเสบ(IBD)
● มีสมาธิในการทำงานมากขึ้น ผู้ที่นอนหลับอย่างเพียงพอจะมีความสามารถในการจดจ่อที่ดี มีความจำ และสมาธิที่ดีกว่าผู้ที่อดนอนเรื้อรัง
● กินอาหารที่มีแคลอรี่ต่ำ การนอนไม่หลับและการอดนอน ทำให้สารเคมีที่ทำหน้าที่ควบคุมความอยากอาหารลดลง ซึ่งอาจทำให้คุณกินมากเกินไปและอาจมีน้ำหนักเพิ่มขึ้น ดังนั้นการนอนหลับให้เพียงพอสามารถช่วยให้สารเคมีนั้นทำงานได้ดีขึ้นได้
● ลดความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด การนอนไม่หลับหรือหลับไม่เพียงพอ จะเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด และปัญหาเรื้อรังอื่นๆ เช่นโรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง และโรคหลอดเลือดสมอง การนอนหลับที่ดีและเพียงพอ จะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรค
● ลดความเสี่ยงของภาวะซึมเศร้า การนอนหลับที่ไม่เพียงพอ จะเพิ่มความเสี่ยงต่อภาวะซึมเศร้า ภาวะวิตกกังวล และปัญหาสุขภาพจิตอื่น ๆ นอกจากนี้ร้อยละ 90 ของผู้ที่ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคซึมเศร้า รายงานว่าคุณภาพการนอนหลับต่ำ
การนอนหลับฝันดี เป็นมากกว่าการป้องกันถุงใต้ตา
การรักษาภาวะนอนไม่หลับ
ปัญหาการนอนไม่หลับในระยะสั้นอาจไม่จำเป็นต้องได้รับการรักษา การเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตหรือทางเลือกอื่นๆที่ไม่ต้องรักษาโดยแพทย์อาจเพียงพอ
การนอนไม่หลับเรื้อรังอาจจำเป็นต้องได้รับการรักษาจากแพทย์
ประเภทของการรักษาโรคนอนไม่หลับ ที่ควรได้รับ จะขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยเช่น
● สาเหตุพื้นฐานของโรคที่มีการรบกวนการนอนหลับ
● ประเภทของการรบกวนการนอนหลับ
● ระยะเวลา ที่มีอาการนอนไม่หลับ
สูตรมาตราฐานในการรักษาปัญหาการนอนไม่หลับเรื้อรัง คือการเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตร่วมกันการรักษาทางการแพทย์ แพทย์สามารถช่วยระบุได้ว่า เมื่อใดควรที่จะได้รับการรักษามากขึ้น เช่นการผ่าตัด
ยานอนหลับ (Sleeping pills)
ยานอนหลับอาจมีประโยชน์มากที่สุดในผู้ที่มีปัญหานอนไม่หลับระยะสั้น เช่นเจ็ตแล็ก หรือมีความเครียด ยาเหล่านี้ออกแบบมาเพื่อช่วยให้คุณเกิดอาการง่วง หรือนอนหลับได้สนิท
แต่ยาจำพวกนี้สามารถทำให้เกิดผลกระทบอย่างรุนแรงหากใช้ในระยะยาว รวมถึงความเสี่ยงในการติดยานอนหลับ
ยานอนหลับในกลุ่ม OTC ( OTC sleeping pills) โดยทั่วไปช่วยควบคุมวงจรการตื่นนอน เพราะมีส่วนผสมของยาแก้แพ้ในปริมาณต่ำ ยาเหล่านี้ ได้แก่ :
● diphenhydramine (Benadryl, Aleve PM)
● doxylamine succinate (Unisom)
ยานอนหลับตามใบสั่งแพทย์มีแนวโน้มที่จะทำให้เกิดปัญหาการติดยานอนหลับ นั่นเป็นเหตุผลที่คุณควรทำตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งคัด และใช้ยาเท่าที่จำเป็นเท่านั้น
ยาเหล่านี้ ได้แก่
● ramelteon (Rozerem)
● temazepam (Restoril)
● zaleplon (Sonata)
● zolpidem (Ambien)
● zolpidem Extended release (Ambien CR)
การบำบัดโรคนอนไม่หลับโดยไม่ใช้ยา (Natural sleep aid)
บางคนที่มีอาการนอนไม่หลับหรืออดนอน อาจต้องการหลีกเลี่ยงการใช้ยา และเปลี่ยนมาใช้ วิธีการรักษาทางเลือกอื่น เพื่อช่วยให้หลับง่ายขึ้น ยกตัวอย่างเช่น :
● เมลาโทนิ (Melatonin): เมลาโทนิ เป็นฮอร์โมนที่ช่วยควบคุมวงจรการนอนหลับและการตื่นนอนของร่างกาย สามารถใช้ได้ในรูปแบบของผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร
● วาเลอเรียน (Valerian) เป็นอีกหนึ่งตัวช่วยให้เกิดการนอนหลับตามธรรมชาติ สกัดจากพืช และขายในรูปแบบผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร อย่างไรก็ตาม จากงานวิจัยเกี่ยวกับผลต่อการนอนหลับ ยังไม่สามารถสรุปได้
● ลาเวนเดอร์ (Lavender) คือน้ำมันหอมระเหย ใช้เป็นตัวช่วยให้นอนหลับได้ดีขึ้น อาจใช้การสกัดจากดอกสีม่วง เพื่อผลิตเป็นอาหารเสริม
นักวิจัยยังคงมองหาวิธีที่เป็นธรรมชาติอื่นๆ ในการกระตุ้นให้เกิดการนอนหลับ
การบำบัด
การบำบัดความคิดและพฤติกรรม (Cognitive behavioral therapy) ถือเป็นการรักษาขั้นแรกสำหรับภาวะการนอนไม่หลับ
หากคุณมีปัญหาเกี่ยวกับการนอนไม่หลับ การพูดคุยกับนักบำบัดอาจช่วยได้ คุณสองคนจะทำงานร่วมกันเพื่อระบุปัญหาและแก้ไขปัญหา ในรูปแบบการปรับเปลี่ยนความคิดที่ผิดหรือแนวคิดที่ขัดขวางไม่ให้คุณนอนหลับ
น้ำมันหอมระเหย ( Essential oils )
น้ำมันหอมระเหยทั้ง 3 ประเภท ที่ชวยในการรักษาปัญหาการนอนหลับ มีดังนี้
ลาเวนเดอร์ ( Lavender) กลิ่นที่ทำให้รู้สึกผ่อนคลายนี้ ใช้ในผลิตภัณฑ์ส่งเสริมการนอนหลับหลายประเภท การวิจัยชี้ให้เห็นว่า สามารถส่งผลต่อระบบประสาท ทำให้นอนหลับได้ดีขึ้น และสมองได้รับการฟื้นฟูมากขึ้น
น้ำมัน Clary Sage ( Clary sage oil ) ช่วยให้รู้สึกผ่อนคลาย ซึ่งส่งเสริมให้สามารถนอนหลับได้ดีขึ้น
น้ำมัน Sleep blends ( Sleep blends oil ) มีส่วนผสมของน้ำมันหอมระเหยที่ออกแบบมาเพื่อส่งเสริมการนอนหลับ ส่วนผสมเหล่านี้มักมีส่วนผสมของน้ำมันหอมระเหยต่างๆ เช่นลาเวนเดอร์สปรูซ(spruce) และคาโมมายล์(chamomile) ซึ่งทั้งหมดนี้มีคุณสมบัติช่วยให้รู้สึกผ่อนคลาย
น้ำมันเหล่านี้ได้รับการศึกษาถึงผลกระทบต่อการนอนหลับแล้ว
การสะกดจิต( Hypnosis )
ด้วยการสะกดจิต คุณสามารถเรียนรู้ที่จะผ่อนคลายร่างกาย และจิตใจเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการนอนหลับ การสะกดจิตยังถูกนำมาใช้เพื่อลดความเจ็บปวดและลดอาการที่เกิดขึ้นจากปัญหาสุขภาพที่อาจสงผลให้เกิดการนอนไม่หลับ เช่น โรคลำไส้แปรปรวน(IBS)
นักสะกดจิตบำบัด (hypnotherapist) จะพูดคุยเพื่อช่วยให้คุณเข้าสู่สภาวะผ่อนคลายและมีสมาธิ จากนั้นนักบำบัดจะช่วยให้คุณเรียนรู้ที่จะตอบสนองต่อคำแนะนำหรือตัวชี้นำที่ทำให้นอนหลับได้ง่ายขึ้น และได้พักผ่อนมากขึ้น
การสะกดจิตนั้นสามารถเพิ่มระยะเวลาที่คุณอยู่ในวงจรการหลับลึก ซึ่งทำให้คุณภาพการนอนหลับดีขึ้นและช่วยให้คุณรู้สึกได้พักผ่อนมากขึ้น
แนวทางการทำสมาธิ (Guided meditation)
การทำสมาธิ เป็นการฝึกจิตให้จดจ่ออยู่กับสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ฝึกความคิดให้นิ่ง มีวัตถุประสงค์คือ การลดความเครียด และ ช่วยให้ร่างกายได้ผ่อนคลาย
ผู้ที่เพิ่งเริ่มฝึกสมาธิอาจพบว่าการฝึก ช่วยให้พวกเขาได้ผ่อนคลายและได้พักผ่อน ส่งผลให้นอนหลับง่ายขึ้นและรู้สึกได้พักผ่อนมากขึ้น
โดยทั่วไปการทำสมาธิจะแนะนำโดยนักสะกดจิตบำบัด หรือผู้ปฏิบัติงานด้านการบำบัติอื่น ๆ ที่ได้รับการฝึกฝนทางเทคนิคมา คำแนะนำเหล่านี้อาจมีอยู่ในเทป พอดแคสต์ แอพพลิเคชัน หรือวิดีโอ คุณยังสามารถเข้าไปศึกษาจากแหล่งเหล่านี้ได้อีกด้วย
บรรทัดล่าง
ความผิดปกติของการนอนหลับแต่ละประเภท มีแนวทางการรักษาที่แตกต่างกัน
วงจรการนอนหลับ (Sleep cycle)
การนอนหลับมีสองประเภทหลัก ๆ คือการนอนหลับ rapid eye movement sleep ( REM) และ non-REM sleep เมื่อคุณง่วงนอน คุณจะเข้าสู่การนอนหลับแบบ non-REM sleep ตามด้วยช่วงเวลาสั้น ๆของการนอนหลับแบบ REM วงจรยังคงดำเนินต่อไปแบบนี้ตลอดทั้งคืน
การนอนหลับแบบ Non-REM แบ่งออกเป็น 4 ขั้นตอน ซึ่งมีตั้งแต่การนอนหลับแบบเบาไปจนถึงการหลับลึก ในแต่ละขั้นตอน ร่างกายจะมีการตอบสนองแตกต่างกันไป ตัวอย่างเช่น ในขั้นตอนที่ 1 คลื่นสมองของคุณจะเริ่มช้าลง เพื่อช่วยให้คุณเปลี่ยนจากสภาวะตื่นเป็นหลับ
เมื่อคุณเข้าสู่ขั้นตอนที่ 5 ของการนอนหลับ หรือมีการหลับแบบ REM โดยเฉลี่ยจะใช้เวลาประมาณ 90 นาทีหลังจากที่คุณหลับ ณ จุดนี้ คุณจะเข้าสู่ภาวะที่เรียกว่า ความฝัน
ดวงตาของคุณจะมีการเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว จากด้านหนึ่งไปอีกด้านหนึ่ง อัตราการเต้นของหัวใจของคุณจะกลับสู่ระดับใกล้เคียงปกติ และคุณอาจรู้สึกว่ามีอาการเป็นอัมพาตที่แขนหรือขา
ระยะ REM จะนานขึ้นในแต่ละรอบของการนอนหลับ ระยะ REM เริ่มต้นในเวลาสั้น ๆ แต่ ในภายหลังอาจใช้เวลานานถึง 1 ชั่วโมง โดยเฉลี่ยแล้วผู้ใหญ่จะเข้าสู่ระยะ REM 5 ถึง 6 ครั้งต่อคืน
ทุกๆช่วงของการนอนหลับมีความสำคัญ แต่การนอนหลับลึก และการนอนหลับแบบ REM นั้นสำคัญที่สุด การเข้าสู่ภาวะ REM จะทำให้ร่างกายได้รับฟื้นฟูอย่างมาก เราจึงแนะนำให้ค้นหาว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างขั้นตอนการนอนหลับแบบ REM และค้นพบว่าเหตุใดการนอนที่เข้าสู้ภาวะ REM หลายรอบในแต่ละคืนจึงสำคัญ
ความวิตกกังวลในการนอนหลับ
คุณน่าจะเคยมีประสบการณ์เกี่ยวกับ ความวิตกกังวล ในระหว่างการนอน คุณอาจเคยตื่นขึ้นมากลางดึกพร้อมกับในหัว ยังคิดถึงงานที่ยังทำไม่เสร็จในแต่ละวันอยู่ นั้นหมายความว่าอาการวิตกกังวลและอาการนอนไม่หลับมีความสัมพันธ์กัน
ความเครียดและความวิตกกังวลเป็นปัจจัยเสี่ยงนำไปสู่การนอนไม่หลับ ความวิตกกังวลยังสามารถทำให้หลับยากขึ้น และยังอาจทำให้คุณนอนหลับไม่สนิทอีกด้วย
ในทำนองเดียวกันผู้ที่ประสบปัญหาการนอนไม่หลับเรื้อรัง อาจเกิดความวิตกกังวลได้ เมื่อถึงเวลาจะเข้านอน อาจจะมีความกังวลและกลัวว่าตัวเองจะนอนหลับไม่สนิท ทำให้คุณรู้สึกกระสับ กระส่าย หรือพลิกตัวไปมาตลอดทั้งคืนได้
หากความวิตกกังวลส่งผลต่อการนอนหลับของคุณ การเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิต อาจช่วยให้อาการดีขึ้นได้
การเดินเป็นระยะทางสั้นๆก่อนนอน สามารถช่วยให้คุณนอนหลับได้ดีขึ้น เช่นเดียวกับการ“ ปิด” และ วางอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ทั้งหมด เป็นเวลาหนึ่งชั่วโมงก่อนนอน หรือบางครั้งอาจเขียนรายการสิ่งที่ต้องทำขึ้นมาเพื่อให้สมองคุณได้คิดก่อนล้มตัวลงนอน
หากปัญหาการนอนไม่หลับของคุณเรื้อรัง ถึงเวลาที่ต้องปรึกษาแพทย์แล้ว แพทย์สามารถแนะนำวิธีการรักษาที่จะช่วยให้คุณนอนหลับได้ดีขึ้น เช่น ยาช่วยนอน (sleep aids) และ การบำบัดความคิดและพฤติกรรม (CBT )
ฮอร์โมนของการนอนหลับ
ฮอร์โมนเมลาโทนิน (melatonin) ถูกสร้างขึ้นตามธรรมชาติ มีหน้าที่บอกให้ร่างกายของคุณทำงานช้าลงในตอนเย็นและเตรียมพร้อมสำหรับการนอนหลับ ด้วยเหตุนี้จึงมักเรียกว่า“ ฮอร์โมนแห่งการนอนหลับ”
ในขณะเดียวกัน เมลาโทนินไม่ได้มีหน้าที่ในการช่วยให้นอนหลับเพียงอย่างเดียว แต่ยังส่งผลต่อจังหวะการทำงานของร่างกายด้วย โดยฮอร์โมนนี้จะเป็นตัวบอกคุณว่าเมื่อใดควรตื่น ควรกิน และควรนอน
ตัวอย่างเช่นเมื่อร่างกายของคุณรู้สึกว่าวันนี้มืดลง มันจะผลิตเมลาโทนินมากขึ้นเพื่อให้คุณพร้อมที่จะเข้านอน และเมื่อดวงอาทิตย์ขึ้น ร่างกายของคุณรับรู้ถึงแสงสว่าง มันจะหยุดการผลิตเมลาโทนินเพื่อให้คุณตื่นขึ้นมา
นอกจากนี้ยังมีผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเมลาโทนิน หากคุณกำลังประสบปัญหาการนอนไม่หลับ ให้พิจารณาผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่เพิ่มระดับฮอร์โมนเมลาโทนิน เพื่อให้ร่างกายของคุณกลับสู่วงจรการนอนหลับได้ตามปกติ
โปรดทราบว่า อาจเกิดผลข้างเคียงจากยาได้ ควรปรึกษาแพทย์เรื่องการใช้เมลาโทนินก่อน
นอกจากช่วยส่งเสริมการนอนหลับแล้ว เมลาโทนินยังสามารถลดอาการเสียดท้อง และอาการหูอื้อได้อีกด้วย
ภาวะถดถอยของการนอนหลับ ( Sleep regression )
ทารกต้องการการนอนหลับมากในช่วงแรก ๆ แต่เมื่ออายุได้ประมาณ 4 เดือนวงจรการนอนหลับของพวกเขาอาจยุ่งเหยิง
สิ่งนี้เรียกว่าภาวะถดถอยของการนอนหลับ 4 เดือน (4-month sleep regression) เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ปกติ และมักเป็นชั่วคราว แต่อาจเป็นเรื่องที่น่าหงุดหงิดสำหรับพ่อแม่และผู้เลี้ยงดู
ในช่วงนี้ ทารกกำลังเติบโต และเรียนรู้สิ่งรอบตัวได้มากขึ้น ซึ่งอาจส่งผลให้รูปแบบการนอนของพวกเขาเปลี่ยนไปด้วย ลูกของคุณอาจตื่นขึ้นมาในตอนกลางคืน และอาจจะไม่กลับไปนอนอีก ก็เป็นได้
อาการของภาวะถดถอยของการนอนหลับ ได้แก่ :
● งอแง
● งีบหลับน้อยลงในระหว่างวัน
แต่หากบุตรของคุณมีอาการเช่น มีไข้ มีน้ำมูก หรือปวดท้อง ก็อาจเกิดจากอาการป่วยได้
คุณสามารถจัดการกับภาวะถดถอยของการนอนหลับได้โดยพยายามหากิจกรรมให้ลูกได้ใช้พลังงาน และ ให้เขาได้ใช้เวลาค้นหาทักษะต่างๆ รวมไปถึงให้เวลาลูกและคุณได้มีส่วนร่วมในการทำกิจกรรมหลายๆอย่าง
นอกจากนี้คุณยังสามารถตรวจสอบได้ว่าลูกของคุณได้รับอาหารที่เพียงพอหรือไม่ ทารกที่กำลังก้าวเข้าสู่พัฒนาการใหม่ ๆ หรือทารกที่มีการสำรวจสภาพแวดล้อมรอบตัวมากขึ้น อาจเสียสมาธิและไม่ค่อยกินอาหาร การให้ทารกได้กินอย่างเต็มที่ จนหน้าท้องตรึงสามารถช่วยให้นอนหลับได้นานขึ้น
นอกจากนี้ อย่าลืมทำให้ห้องนอนของพวกเขามืดที่สุด ห้องที่มืดอาจทำให้พวกเขากลับไปนอนได้เร็วขึ้น หากมีการตื่นขึ้นมาระหว่างนอนหลับ อย่างไรก็ตามแสงธรรมชาติอาจกระตุ้นพวกเขาให้ตื่นขึ้นมาได้
ข้อคิด (Take away)
สำหรับบางคน การนอนหลับสามารถเกิดขึ้นได้ตามธรรมชาติ เช่นเดียวกับการกระพริบตาหรือการหายใจ แต่สำหรับบางคน การนอนหลับอย่างเพียงพอและมีคุณภาพถือเป็นความท้าทายสำคัญที่ต้องอาศัยการเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิต หรือได้รับการรักษาบำบัดทางการแพทย์
มีสาเหตุหลายประการสำหรับปัญหาการนอนไม่หลับ ตั้งแต่ความเครียดในระยะสั้น ไปจนถึงความผิดปกติของการนอนไม่หลับที่ร้ายแรงในระยะยาว หากคุณมีปัญหาการนอนไม่หลับเรื้อรัง ควรปรึกษาแพทย์เพื่อหาทางแก้ไข
การรักษาด้วยยาที่พบบ่อย
อาจพิจารณาการรักษาเหล่านี้ สำหรับปัญหาการนอนหลับที่พบได้บ่อย:
● ยานอนหลับในกลุ่ม diphenhydramine (Benadryl, Aleve PM) and doxylamine succinate (Unisom)
● สารสะกัดธรรมชาติที่ช่วยให้นอนหลับ เช่น สารเมลาโทนิน วาเลอเรียน และลาเวนเดอร์
● น้ำมันหอมระเหย เช่น คลารี เสจ (clary sage ) ลาเวนเดอร์ และ สลีปเบลนด์ ( sleep blends )
นี่คือแหล่งที่มาในบทความของเรา
Write Reviews
Leave a Comment
No Comments & Reviews