24 Jun, 2021 | สุมุกดา ฉิมโพธิ์กลาง | No Comments
การนอนหลับเพื่อสุขภาพ
ทำความเข้าใจกับการนอนหลับที่ดีต่อสุขภาพ
ในโลกที่หมุนไปอย่างรวดเร็วการ การนอนหลับฝันดี กลายเป็นสิ่งที่ช่วยให้รู้สึกผ่อนคลาย การนอนมีความสำคัญละดับต้นๆของกิจกรรมหลังเลิกงาน โดยกิจกรรมอื่นๆที่มักทำหลังเลิกงานได้ลดน้อยลง เช่น กิจกรรมการสังสรรค์ และกิจกรรมความบันเทิง
อย่างไรก็ตามการนอนหลับไม่ควรจะหรูหรา การนอนหลับที่ดีมีความสำคัญต่อสุขภาพร่างกายและจิตใจของคุณพอๆกับอาหารและน้ำ
ความต้องการการนอนหลับของร่างกายเป็นงานวิจัยที่ค่อนข้างใหม่ นักวิทยาศาสตร์กำลังศึกษาว่าเกิดอะไรขึ้นกับร่างกายระหว่างการนอนหลับและเหตุใดการนอนหลับจึงมีความสำคัญต่อร่างกาย การนอนหลับมีความจำเป็นเพื่อ
● รักษาการทำงานของร่างกายที่สำคัญ
● เพิ่มพลังงานให้ร่างกาย
● ซ่อมแซมกล้ามเนื้อ
● ช่วยให้สมองมีการประมวลผลข้อมูลใหม่
เราทราบกันดีว่าจะเกิดอะไรขึ้น เมื่อร่างกายไม่ได้รับการนอนหลับที่เพียงพอ การอดนอน (Sleep deprivation) อาจทำให้เกิดปัญหาทางจิตใจและร่างกายหลายอย่าง รวมถึงทำให้ความสามารถต่างๆของคุณลดลงด้วย เช่น
● การคิดวิเคราห์ลดลง
● การจดจ่อต่อสิ่งใดสิ่งหนึ่งลดลง
● ตอบสนองช้าลง
● ควบคุมอารมณ์ได้น้อยลง
ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดปัญหาร้ายแรงในที่ทำงานและการใช้ชีวิตประจำวัน
การอดนอนเรื้อรังมีความเสี่ยงที่จะเกิดปัญหาสุขภาพที่รุนแรง เช่น โรคนอนไม่หลับ โรคเบาหวาน โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคอ้วนและภาวะซึมเศร้า นอกจากนี้ยังสามารถทำให้ ระบบภูมิคุ้มกันลดลงด้วย ส่งผลให้ความสามารถของร่างกายในการต่อสู้กับการติดเชื้อและเชื้อโรคลดลง
คุณต้องการการนอนหลับมากแค่ไหน?
พฤติกรรมการนอนของเรา – และความต้องการการนอนหลับ – เปลี่ยนไปเมื่อเราอายุมากขึ้น
ตามคำแนะนำจากมูลนิธิการนอนแห่งชาติ(National Sleep Foundation) คุณควรมีเป้าหมายการนอนตามปริมาณของการนอนหลับข้างล่างนี้:
อายุ |
คำแนะนำ |
65 ปีขึ้นไป |
7 ถึง 8 ชั่วโมง |
18-64 ปี |
7-9 ชั่วโมง |
14-17 ปี |
8 ถึง 10 ชั่วโมง |
6 ถึง 13 ปี |
9 ถึง 11 ชั่วโมง |
เด็กเล็ก มีความต้องการการนอนหลับที่มากขึ้น เด็กหลายคนจะบรรลุเป้าหมายการนอนหลับได้ด้วยการงีบหลับตอนกลางวัน
อายุ |
คำแนะนำการนอน |
3 ถึง 5 ปี |
10 ถึง 13 ชั่วโมง |
1 ถึง 2 ปี |
11 ถึง 14 ชั่วโมง |
4 ถึง 11 เดือน |
12 ถึง 15 ชั่วโมง |
0 ถึง 3 เดือนอายุ |
14 ถึง 17 ชั่วโมง |
ปัจจัยบางอย่างมีผลต่อการนอนหลับมากกว่าที่คุณต้องการ พันธุกรรมสามารถกำหนดระยะเวลาที่คุณนอนหลับได้ ยีนของคุณยังมีบทบาทในการตอบสนองต่อการอดนอน หรือการนอนไม่หลับอีกด้วย
ในทำนองเดียวกันคุณภาพของการนอนหลับที่คุณได้รับในแต่ละคืน เป็นปัจจัยสำคัญมากกว่าระยะเวลาที่นอนหลับในแต่ละคืน ผู้ที่ได้รับการนอนหลับอย่างมีคุณภาพโดยไม่ตื่นตอนกลางคืนอาจต้องการการนอนหลับน้อยกว่าคนที่ตื่นบ่อยหรือมีปัญหาในการนอนหลับ
เคล็ดลับและเทคนิคการช่วยให้นอนหลับ
การนอนหลับที่ดีอาจช่วยให้ร่างกายของคุณ (และสมองของคุณ) ทำงานได้ดีขึ้น นานขึ้นและฟื้นฟูพลังได้มากขึ้น รายการต่อไปนี้คือแนวคิดในการส่งเสริมคุณภาพการนอนหลับ และระยะเวลาการนอนหลับในแต่ละคืน
มีเวลาที่แน่นอนในการเข้านอน
การเข้านอนเป็นประจำและสม่ำเสมอในเวลาเดิมๆสามารถฝึกร่างกายให้นอนหลับได้ดีขึ้น ควรยึดติดกับตารางเวลานอนแม้ในวันหยุดสุดสัปดาห์ วันหยุดงานและวันหยุดพักผ่อน
เอาสัตว์เลี้ยงออกจากห้องนอน
คุณอาจชื่นชอบการนอนกับสัตว์เลี้ยงของคุณ แต่การวิจัยแสดงให้เห็นว่าเจ้าของสัตว์เลี้ยงที่ปล่อยให้สัตว์นอนกับพวกเขา ทำให้รบกวนการนอนหลับมากขึ้น และมีคุณภาพการนอนหลับที่ต่ำลง
งดการบริโภคคาเฟอีน
แม้ว่าคุณจะบริโภคแค่ในตอนกลางวัน แต่การกระตุ้นของคาเฟอีนอาจทำให้คุณนอนไม่หลับ กระสับกระส่าย
อย่ารับประทานอาหารหรือดื่มเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน เกินช่วงบ่ายเป็นต้นไปเพราะจะทำให้เกิดอาการนอนไม่หลับ สมองตื่นตัว หรืออาการใจสั่นนอนไม่หลับ โดยเครืองดื่มเหล่านั้นรวมถึง:
● ชา
● น้ำอัดลม
● ช๊อคโกแลต
วางโทรศัพท์ของคุณลง
วางอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ และอุปกรณ์อื่นๆที่มีแสงอย่างน้อย 1 ชั่วโมงก่อนนอน แสงไฟที่สว่างมากๆสามารถกระตุ้นสมองของคุณ ซึ่งอาจทำให้นอนหลับยากขึ้น
งดดื่มแอลกอฮอล์
ถ้าคุณชอบจิบไวน์ขณะดูทีวีก็ถึงเวลาที่จะทำลายนิสัยนี้ไป นั่นเป็นเพราะ แอลกอฮอล์ รบกวนคลื่นสมองและรูปแบบการนอนหลับตามธรรมชาติของคุณ ทำให้นอนไม่หลับ ปวดหัว
แม้ว่าคุณจะนอนหลับตลอดทั้งคืน แต่เมื่อคุณตื่นขึ้นมาคุณจะรู้สึกไม่ได้พักผ่อน
ท้ายที่สุด
การนอนหลับที่ดีคือการสร้างนิสัยที่ดีในการนอนหลับ
ความผิดปกติด้านการนอน
ความผิดปกติด้านการนอนหลับ (Sleep disorders) เป็นภาวะที่ทำให้คุณนอนหลับไม่สนิทเป็นประจำ การรบกวนการนอนหลับเป็นครั้งคราว เช่น เจ็ตแล๊ค (jet lag) อาการเครียด นอนไม่หลับ และตารางงานที่ยุ่ง อาจรบกวนการนอนหลับของคุณได้ อย่างไรก็ตามหากการนอนหลับของคุณถูกรบกวนเป็นประจำ อาจเป็นสัญญาณของความผิดปกติในการนอนหลับ
ความผิดปกติของการนอนหลับที่พบบ่อยมีหลายประการ
● โรคนอนไม่หลับ(Insomnia) เป็นภาวะที่พบว่ามีปัญหาในการง่วงนอน มีปัญหาในการนอนไปแล้วตื่นขึ้นมา หรือทั้งสองอย่าง
● ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ(Sleep apnea) เป็น อาการรบกวนการนอนหลับ ที่เกิดขึ้นเมื่อทางเดินหายใจส่วนบนของคุณถูกปิดกั้นซ้ำๆ ในขณะที่คุณนอนหลับ
● โรคลมหลับ(Narcolepsy) พบว่า เกิดการง่วงนอนในตอนกลางวัน ซึ่งมีลักษณะเฉพาะคือ รู้สึกง่วงมากหรือหลับไปโดยไม่มีการเตือนล่วงหน้า
● โรคขาอยู่ไม่สุข (Restless leg syndrome) เป็นความรู้สึกที่คุณต้องขยับขาตลอดเวลาแม้ในขณะหลับ
● การเคลื่อนไหวผิดปกติของร่างกายระหว่างนอนหลับ (Parasomnias) มีพฤติกรรมที่ผิดปกติหรือการเคลื่อนไหวผิดปกติระหว่างการนอนหลับ เช่นฝันร้ายและการเดินละเมอ
คุณภาพการนอนหลับมีความสำคัญพอๆกับปริมาณการนอนหลับ
หลายคนที่เป็นโรคความผิดปกติในการนอนหลับ มักจะมีเวลานอนหลับที่เพียงพอ แต่ไม่ถึงขั้นหลับลึกพอที่จะรู้สึกได้รับการพักผ่อนและรู้สึกสดชื่นในตอนเช้า การตื่นขึ้นมาในตอนกลางคืนบ่อยๆ สามารถขัดขวางไม่ให้คุณเข้าสู่ขั้นตอนสำคัญของการนอนหลับได้
ความผิดปกติของการนอนหลับอาจมาจากภาวะโรคในทางการแพทย์ได้
ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ(Sleep apnea)
ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ เป็นความผิดปกติของการนอนหลับที่พบบ่อย เกิดขึ้นเมื่อกล้ามเนื้อด้านหลังลำคอคลายตัว จากนั้นทางเดินหายใจแคบลงหรือปิดลง ด้วยการปิดกั้นทางเดินหายใจของเนื้อเยื่อ คุณจะไม่สามารถรับอากาศเข้าในปอดได้และอากาศจะไม่สามารถออกมาข้างนอกได้
ในระหว่างการหยุดหายใจขณะหลับ คุณจะหยุดหายใจซ้ำๆ ในระหว่างการนอนหลับ คุณจะตื่นขึ้นมาในช่วงสั้นๆเพื่อกลับมาหายใจต่อ แม้ว่าคุณจะไม่รู้ตัวก็ตาม
การนอนหลับที่ถูกขัดจังหวะอาจทำให้เกิดอาการต่างๆ เช่น
● ง่วงนอนตอนกลางวันมากเกินไป
● นอนกรน
● การอดนอน
● ภาวะนอนไม่หลับ
● ปากแห้ง
● ปวดศีรษะ
หากปล่อยทิ้งไว้โดยไม่ได้รับการรักษา ภาวะหยุดหายใจขณะหลับอาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนในระยะยาวและความเสี่ยงต่อสุขภาพ เช่น โรคหัวใจ ความจำเสื่อม เบาหวาน และความดันโลหิตสูง.
หากภาวะหยุดหายใจขณะหลับไม่รุนแรง แพทย์อาจแนะนำให้เปลี่ยนวิถีชีวิต เหล่านี้เช่น:
● การลดน้ำหนัก
● เลิกสูบบุหรี่
● รักษา อาการภูมิแพ้ทางจมูก
สำหรับกรณีที่มีอาการปานกลางหรือรุนแรง แพทย์อาจสั่งให้ใช้เครื่องช่วยหายใจต่อเนื่อง (CPAP) อุปกรณ์นี้ให้การไหลของอากาศอย่างสม่ำเสมอผ่านหน้ากากที่สวมไว้ที่ปากและจมูก กระแสอากาศนี้ป้องกันไม่ให้ทางเดินหายใจปิดกั้นเมื่อคุณหลับ
หากการรักษาเหล่านี้ไม่ประสบความสำเร็จ แพทย์อาจพิจารณา การผ่าตัด เพื่อเอากล้ามเนื้อหรือเนื้อเยื่อที่ปิดทางเดินหายใจของคุณออก แพทย์อาจพิจารณาการผ่าตัดขากรรไกรด้วย ขั้นตอนนี้จะเคลื่อนขากรรไกรไปข้างหน้ามากพอที่อากาศจะเคลื่อนไปด้านหลังลิ้นและเพดานอ่อนได้อย่างอิสระ
หากไม่ได้รับการรักษา ภาวะหยุดหายใจขณะหลับอาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนทางการแพทย์ที่รุนแรงได้
อัมพาตจากการนอนหลับหรือผีอำ (Sleep paralysis)
อัมพาตจากการนอนหลับ หรือ ผีอำ เป็นภาวะที่มีสูญเสียการควบคุมและการทำงานของกล้ามเนื้อชั่วคราว เกิดขึ้นในช่วงเวลาก่อนหรือหลังคุณหลับ นอกจากนี้ยังสามารถเกิดขึ้นได้ในขณะที่คุณพยายามจะตื่น
โรคอัมพาตจากการนอนหลับหรือผีอำ เป็นหนึ่งในสิ่งรบกวนการนอนหลับที่พบบ่อยที่สุด ในการศึกษา มีประมาณร้อยละ 7 ผู้ทดสอบมีการเกิดภาวะผีอำที่สัมผัสได้
อาการของโรคอัมพาตจากการนอนหลับหรือผีอำ คือการไม่สามารถขยับแขน ขา ลำตัว หรือศีรษะได้ในขณะที่คุณพยายามนอน หรือตื่น ภาวะนี้อาจใช้เวลาไม่กี่วินาทีหรือหลายนาที
อัมพาตจากการนอนหลับหรือผีอำ ไม่ได้มีสาเหตุเดียว แต่มักพบว่าเป็นภาวะแทรกซ้อนของโรคอื่นๆ ด้วย
ตัวอย่างเช่น ผู้ที่มีอาการง่วงนอน หรือภาวะอื่นๆ เช่นภาวะปัญหาสุขภาพจิต ภาวะการอดนอน การใช้ยาและการใช้สารเสพติด เป็นต้น
การรักษาอัมพาตจากการนอนหลับ ส่วนใหญ่มีจุดมุ่งหมายเพื่อแก้ปัญหาที่อาจทำให้สูญเสียการทำงานของกล้ามเนื้อในตอนแรก
ยกตัวอย่างเช่น แพทย์อาจจ่ายยาต้านอาการซึมเศร้าให้กับผู้ที่มีอาการอัมพาตจากการนอนหลับ ที่มีสาเหตุมาจากปัญหาสุขภาพจิต หรือมีอาการของโรคสองอารมณ์(bipolar disorder) เป็นต้น
การนอนและโรคนอนไม่หลับ (Sleep and insomnia)
โรคนอนไม่หลับ (Insomnia) เป็นความผิดปกติของการนอนที่พบบ่อยที่สุด โดยประมาณ 1 ใน 3 ของผู้ใหญ่ พบว่ามีอาการนอนไม่หลับ และผู้ใหญ่มากกว่าร้อยละ 10 มีอาการรุนแรงพอที่จะถูกวินิจฉัยและควรได้รับการรักษาในโรงพยาบาล
หากคุณมีอาการของโรคนอนไม่หลับ คุณอาจพบว่าไม่ง่วงเมื่อถึงเวลานอนหรือนอนไปแล้วตื่นขึ้นมาใหม่ นอกจากนี้ยังพบว่ามีการตื่นเช้าเกินไป หรือรู้สึกไม่สดชื่นหลังตื่นนอน
ประเภทของโรคนอนไม่หลับ
การนอนไม่หลับชั่วคราว(Temporary insomnia) อาจเกิดจากเหตุการณ์ในชีวิตแต่ละวัน รวมทั้งความเครียด การบาดเจ็บ หรือการตั้งครรภ์ รวมไปถึงการเปลี่ยนแปลงใหม่ๆในชีวิต เช่น การเริ่มงานที่ยังไม่ชินกับเวลาในการทำงาน สิ่งเหล่านี้อาจทำให้นอนไม่หลับชั่วคราวได้
การนอนไม่หลับเรื้อรัง (Chronic insomnia) อาจเป็นผลมาจากความผิดปกติหรือภาวะโรคอื่นเช่น
● โรคอ้วน
● ปวดหลัง
● อาการปวดเข่า
● ความวิตกกังวลหรือภาวะซึมเศร้า
● วัยหมดประจำเดือน
● การใช้สารเสพติด
การรักษา
การรักษาโดยทั่วไปสำหรับโรคนอนไม่หลับ ได้แก่
● เทคนิคการปรับความคิดและการปรับพฤติกรรม (Cognitive Behavioral Therapy) คุณจะได้พูดคุย กับนักบำบัด เพื่อรักษาปัญหาสุขภาพจิตที่เป็นสาเหตุของการนอนไม่หลับ เช่นความวิตกกังวล หรือภาวะซึมเศร้า
● การฝึกให้มีสุขอนามัยในการนอนหลับ(Sleep hygiene) ผู้เชี่ยวชาญด้านการนอนหลับจะพูดคุยให้คำปรึกษากับคุณ เพื่อสร้างแนวทางปฏิบัติให้นอนหลับได้ดีขึ้น
● การรักษาโรคหรือภาวะที่เป็นต้นเหตุให้เกิดการนอนไม่หลับ แพทย์จะระบุโรคหรือภาวะ ที่อาจส่งผลต่อปัญหาการนอนหลับ และพยายามรักษาโรคนั้นๆไปพร้อมกับปัญหาการนอนไม่หลับ
● การใช้ยา ในระยะสั้น ยานอนหลับบางชนิด อาจช่วยบรรเทาอาการนอนไม่หลับได้
● การเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิต การปรับตารางเวลาและกิจกรรมประจำวัน อาจเป็นประโยชน์และช่วยให้นอนหลับได้ดีขึ้น ซึ่งรวมถึงการหลีกเลี่ยง คาเฟอีน และออกกำลังกายเมื่อใกล้เวลานอน เพราะจะทำให้ตาค้าง นอนไม่หลับ
● รักษาจากสาเหตุที่เป็น เช่นหากเป็นโรคกรดไหลย้อน นอนไม่หลับ ควรแก้อาการนี้ให้หาย หรืออาจจะจากเหตุอื่น ๆ
เป้าหมายหลักของการรักษาอาการนอนไม่หลับคือการช่วยให้คุณนอนหลับได้ง่ายขึ้น เป้าหมายรองคือการช่วยรักษาสาเหตุหรือโรคที่ทำให้คุณไม่สามารถนอนหลับได้
การอดนอน(Sleep deprivation)
การอดนอนสะสมมีผลต่อสุขภาพของคุณ ยิ่งคุณนอนหลับไม่เพียงพอนานเท่าไหร่ ปัญหาสุขภาพของคุณก็จะยิ่งแย่ลงเท่านั้น
การอดนอนเป็นเวลานานอาจทำให้เกิดปัญหาต่างๆ ในแต่ละด้าน เช่น
ความจำ
ในระหว่างการนอนหลับ สมองของคุณจะล้างคราบจุลินทรีย์และโปรตีนที่ก่อตัวขึ้นในระหว่างวัน หากไม่มีการนอนหลับที่เหมาะสมคราบจุลินทรีย์และโปรตีนเหล่านี้อาจยังคงอยู่
เมื่อเวลาผ่านไปสิ่งนี้อาจรบกวนการประมวลผล การจดจำ และการรับรู้ข้อมูลใหม่ๆ รวมถึงความทรงจำระยะยาว
ภูมิคุ้มกันอ่อนแอลง
ถ้าคุณไม่ได้นอนหลับอย่างเพียงพอ ภูมิคุ้มกันของร่างกายของคุณจะไม่สามารถออกมาต่อสู้กับแบคทีเรียและไวรัสที่บุกรุกเข้ามาใร่างกาย รวมไปถึงโรคไข้หวัดธรรมดาและไข้หวัดใหญ่
ความต้องการทางเพศลดลง
คนที่มีการอดนอนอาจมีความต้องการทางเพศลดลง เนื่องจากการลดลงในระดับของฮอร์โมนเพศชาย (testosterone)
ภาวะหัวใจและหลอดเลือด
โรคหัวใจ โรคความดันโลหิตสูง และภาวะหัวใจและหลอดเลือดอื่นๆ พบได้บ่อยในผู้ที่อดนอนเรื้อรัง
น้ำหนักมากขึ้น
การวิจัยแสดงให้เห็นว่าการนอนหลับไม่เพียงพอทำให้คุณอยากอาหารที่มีไขมันสูงและมีแคลอรีสูง นอกจากนี้สารเคมีในสมองของคุณที่ควบคุมการอิ่มก็จะไม่ทำงาน ทำให้คุณกินไม่หยุด ส่งผลให้คุณมีน้ำหนักเพิ่มขึ้น
ลองนึกถึงร่างกายที่อดนอนเป็นรถที่มียางแบน รถกำลังวิ่งอยู่ แต่เคลื่อนตัวช้าลงด้วยความสามารถที่น้อยลงและใช้พลังงานน้อยลง ยิ่งคุณขับรถในสภาพนั้นนานเท่าไหร่ รถของคุณก็จะยิ่งเสียหายมากขึ้นเท่านั้น
นอกจากปัญหาสุขภาพที่รุนแรงมากขึ้นแล้ว การอดนอนยังทำให้การทรงตัวไม่ดีและเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ
ประโยชน์ของการนอนหลับ
การนอนหลับอย่างมีคุณภาพสามารถขจัดปัญหาระยะสั้นได้หลายอย่าง เช่นความเหนื่อยล้า และปัญหาในการจดจ่อหรือสมาธิ นอกจากนี้ยังสามารถป้องกันปัญหาสุขภาพที่ร้ายแรงในระยะยาวได้ด้วย
ประโยชน์ของการนอนหลับที่ดี ได้แก่ :
● ลดการอักเสบ การสูญเสียการนอนหลับที่ดีอาจทำให้เกิดการอักเสบทั่วร่างกายซึ่งนำไปสู่ความเสียหายของเซลล์และเนื้อเยื่อ การอักเสบในระยะยาวอาจนำไปสู่ปัญหาสุขภาพเรื้อรัง เช่น โรคลำไส้อักเสบ(IBD)
● มีสมาธิในการทำงานมากขึ้น ผู้ที่นอนหลับอย่างเพียงพอจะมีความสามารถในการจดจ่อที่ดี มีความจำ และสมาธิที่ดีกว่าผู้ที่อดนอนเรื้อรัง
● กินอาหารที่มีแคลอรี่ต่ำ การนอนไม่หลับและการอดนอน ทำให้สารเคมีที่ทำหน้าที่ควบคุมความอยากอาหารลดลง ซึ่งอาจทำให้คุณกินมากเกินไปและอาจมีน้ำหนักเพิ่มขึ้น ดังนั้นการนอนหลับให้เพียงพอสามารถช่วยให้สารเคมีนั้นทำงานได้ดีขึ้นได้
● ลดความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด การนอนไม่หลับหรือหลับไม่เพียงพอ จะเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด และปัญหาเรื้อรังอื่นๆ เช่นโรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง และโรคหลอดเลือดสมอง การนอนหลับที่ดีและเพียงพอ จะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรค
● ลดความเสี่ยงของภาวะซึมเศร้า การนอนหลับที่ไม่เพียงพอ จะเพิ่มความเสี่ยงต่อภาวะซึมเศร้า ภาวะวิตกกังวล และปัญหาสุขภาพจิตอื่น ๆ นอกจากนี้ร้อยละ 90 ของผู้ที่ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคซึมเศร้า รายงานว่าคุณภาพการนอนหลับต่ำ
การนอนหลับฝันดี เป็นมากกว่าการป้องกันถุงใต้ตา
การรักษาภาวะนอนไม่หลับ
ปัญหาการนอนไม่หลับในระยะสั้นอาจไม่จำเป็นต้องได้รับการรักษา การเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตหรือทางเลือกอื่นๆที่ไม่ต้องรักษาโดยแพทย์อาจเพียงพอ
การนอนไม่หลับเรื้อรังอาจจำเป็นต้องได้รับการรักษาจากแพทย์
ประเภทของการรักษาโรคนอนไม่หลับ ที่ควรได้รับ จะขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยเช่น
● สาเหตุพื้นฐานของโรคที่มีการรบกวนการนอนหลับ
● ประเภทของการรบกวนการนอนหลับ
● ระยะเวลา ที่มีอาการนอนไม่หลับ
สูตรมาตราฐานในการรักษาปัญหาการนอนไม่หลับเรื้อรัง คือการเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตร่วมกันการรักษาทางการแพทย์ แพทย์สามารถช่วยระบุได้ว่า เมื่อใดควรที่จะได้รับการรักษามากขึ้น เช่นการผ่าตัด
ยานอนหลับ (Sleeping pills)
ยานอนหลับอาจมีประโยชน์มากที่สุดในผู้ที่มีปัญหานอนไม่หลับระยะสั้น เช่นเจ็ตแล็ก หรือมีความเครียด ยาเหล่านี้ออกแบบมาเพื่อช่วยให้คุณเกิดอาการง่วง หรือนอนหลับได้สนิท
แต่ยาจำพวกนี้สามารถทำให้เกิดผลกระทบอย่างรุนแรงหากใช้ในระยะยาว รวมถึงความเสี่ยงในการติดยานอนหลับ
ยานอนหลับในกลุ่ม OTC ( OTC sleeping pills) โดยทั่วไปช่วยควบคุมวงจรการตื่นนอน เพราะมีส่วนผสมของยาแก้แพ้ในปริมาณต่ำ ยาเหล่านี้ ได้แก่ :
● diphenhydramine (Benadryl, Aleve PM)
● doxylamine succinate (Unisom)
ยานอนหลับตามใบสั่งแพทย์มีแนวโน้มที่จะทำให้เกิดปัญหาการติดยานอนหลับ นั่นเป็นเหตุผลที่คุณควรทำตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งคัด และใช้ยาเท่าที่จำเป็นเท่านั้น
ยาเหล่านี้ ได้แก่
● ramelteon (Rozerem)
● temazepam (Restoril)
● zaleplon (Sonata)
● zolpidem (Ambien)
● zolpidem Extended release (Ambien CR)
การบำบัดโรคนอนไม่หลับโดยไม่ใช้ยา (Natural sleep aid)
บางคนที่มีอาการนอนไม่หลับหรืออดนอน อาจต้องการหลีกเลี่ยงการใช้ยา และเปลี่ยนมาใช้ วิธีการรักษาทางเลือกอื่น เพื่อช่วยให้หลับง่ายขึ้น ยกตัวอย่างเช่น :
● เมลาโทนิ (Melatonin): เมลาโทนิ เป็นฮอร์โมนที่ช่วยควบคุมวงจรการนอนหลับและการตื่นนอนของร่างกาย สามารถใช้ได้ในรูปแบบของผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร
● วาเลอเรียน (Valerian) เป็นอีกหนึ่งตัวช่วยให้เกิดการนอนหลับตามธรรมชาติ สกัดจากพืช และขายในรูปแบบผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร อย่างไรก็ตาม จากงานวิจัยเกี่ยวกับผลต่อการนอนหลับ ยังไม่สามารถสรุปได้
● ลาเวนเดอร์ (Lavender) คือน้ำมันหอมระเหย ใช้เป็นตัวช่วยให้นอนหลับได้ดีขึ้น อาจใช้การสกัดจากดอกสีม่วง เพื่อผลิตเป็นอาหารเสริม
นักวิจัยยังคงมองหาวิธีที่เป็นธรรมชาติอื่นๆ ในการกระตุ้นให้เกิดการนอนหลับ
การบำบัด
การบำบัดความคิดและพฤติกรรม (Cognitive behavioral therapy) ถือเป็นการรักษาขั้นแรกสำหรับภาวะการนอนไม่หลับ
หากคุณมีปัญหาเกี่ยวกับการนอนไม่หลับ การพูดคุยกับนักบำบัดอาจช่วยได้ คุณสองคนจะทำงานร่วมกันเพื่อระบุปัญหาและแก้ไขปัญหา ในรูปแบบการปรับเปลี่ยนความคิดที่ผิดหรือแนวคิดที่ขัดขวางไม่ให้คุณนอนหลับ
น้ำมันหอมระเหย ( Essential oils )
น้ำมันหอมระเหยทั้ง 3 ประเภท ที่ชวยในการรักษาปัญหาการนอนหลับ มีดังนี้
ลาเวนเดอร์ ( Lavender) กลิ่นที่ทำให้รู้สึกผ่อนคลายนี้ ใช้ในผลิตภัณฑ์ส่งเสริมการนอนหลับหลายประเภท การวิจัยชี้ให้เห็นว่า สามารถส่งผลต่อระบบประสาท ทำให้นอนหลับได้ดีขึ้น และสมองได้รับการฟื้นฟูมากขึ้น
น้ำมัน Clary Sage ( Clary sage oil ) ช่วยให้รู้สึกผ่อนคลาย ซึ่งส่งเสริมให้สามารถนอนหลับได้ดีขึ้น
น้ำมัน Sleep blends ( Sleep blends oil ) มีส่วนผสมของน้ำมันหอมระเหยที่ออกแบบมาเพื่อส่งเสริมการนอนหลับ ส่วนผสมเหล่านี้มักมีส่วนผสมของน้ำมันหอมระเหยต่างๆ เช่นลาเวนเดอร์สปรูซ(spruce) และคาโมมายล์(chamomile) ซึ่งทั้งหมดนี้มีคุณสมบัติช่วยให้รู้สึกผ่อนคลาย
น้ำมันเหล่านี้ได้รับการศึกษาถึงผลกระทบต่อการนอนหลับแล้ว
การสะกดจิต( Hypnosis )
ด้วยการสะกดจิต คุณสามารถเรียนรู้ที่จะผ่อนคลายร่างกาย และจิตใจเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการนอนหลับ การสะกดจิตยังถูกนำมาใช้เพื่อลดความเจ็บปวดและลดอาการที่เกิดขึ้นจากปัญหาสุขภาพที่อาจสงผลให้เกิดการนอนไม่หลับ เช่น โรคลำไส้แปรปรวน(IBS)
นักสะกดจิตบำบัด (hypnotherapist) จะพูดคุยเพื่อช่วยให้คุณเข้าสู่สภาวะผ่อนคลายและมีสมาธิ จากนั้นนักบำบัดจะช่วยให้คุณเรียนรู้ที่จะตอบสนองต่อคำแนะนำหรือตัวชี้นำที่ทำให้นอนหลับได้ง่ายขึ้น และได้พักผ่อนมากขึ้น
การสะกดจิตนั้นสามารถเพิ่มระยะเวลาที่คุณอยู่ในวงจรการหลับลึก ซึ่งทำให้คุณภาพการนอนหลับดีขึ้นและช่วยให้คุณรู้สึกได้พักผ่อนมากขึ้น
แนวทางการทำสมาธิ (Guided meditation)
การทำสมาธิ เป็นการฝึกจิตให้จดจ่ออยู่กับสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ฝึกความคิดให้นิ่ง มีวัตถุประสงค์คือ การลดความเครียด และ ช่วยให้ร่างกายได้ผ่อนคลาย
ผู้ที่เพิ่งเริ่มฝึกสมาธิอาจพบว่าการฝึก ช่วยให้พวกเขาได้ผ่อนคลายและได้พักผ่อน ส่งผลให้นอนหลับง่ายขึ้นและรู้สึกได้พักผ่อนมากขึ้น
โดยทั่วไปการทำสมาธิจะแนะนำโดยนักสะกดจิตบำบัด หรือผู้ปฏิบัติงานด้านการบำบัติอื่น ๆ ที่ได้รับการฝึกฝนทางเทคนิคมา คำแนะนำเหล่านี้อาจมีอยู่ในเทป พอดแคสต์ แอพพลิเคชัน หรือวิดีโอ คุณยังสามารถเข้าไปศึกษาจากแหล่งเหล่านี้ได้อีกด้วย
บรรทัดล่าง
ความผิดปกติของการนอนหลับแต่ละประเภท มีแนวทางการรักษาที่แตกต่างกัน
วงจรการนอนหลับ (Sleep cycle)
การนอนหลับมีสองประเภทหลัก ๆ คือการนอนหลับ rapid eye movement sleep ( REM) และ non-REM sleep เมื่อคุณง่วงนอน คุณจะเข้าสู่การนอนหลับแบบ non-REM sleep ตามด้วยช่วงเวลาสั้น ๆของการนอนหลับแบบ REM วงจรยังคงดำเนินต่อไปแบบนี้ตลอดทั้งคืน
การนอนหลับแบบ Non-REM แบ่งออกเป็น 4 ขั้นตอน ซึ่งมีตั้งแต่การนอนหลับแบบเบาไปจนถึงการหลับลึก ในแต่ละขั้นตอน ร่างกายจะมีการตอบสนองแตกต่างกันไป ตัวอย่างเช่น ในขั้นตอนที่ 1 คลื่นสมองของคุณจะเริ่มช้าลง เพื่อช่วยให้คุณเปลี่ยนจากสภาวะตื่นเป็นหลับ
เมื่อคุณเข้าสู่ขั้นตอนที่ 5 ของการนอนหลับ หรือมีการหลับแบบ REM โดยเฉลี่ยจะใช้เวลาประมาณ 90 นาทีหลังจากที่คุณหลับ ณ จุดนี้ คุณจะเข้าสู่ภาวะที่เรียกว่า ความฝัน
ดวงตาของคุณจะมีการเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว จากด้านหนึ่งไปอีกด้านหนึ่ง อัตราการเต้นของหัวใจของคุณจะกลับสู่ระดับใกล้เคียงปกติ และคุณอาจรู้สึกว่ามีอาการเป็นอัมพาตที่แขนหรือขา
ระยะ REM จะนานขึ้นในแต่ละรอบของการนอนหลับ ระยะ REM เริ่มต้นในเวลาสั้น ๆ แต่ ในภายหลังอาจใช้เวลานานถึง 1 ชั่วโมง โดยเฉลี่ยแล้วผู้ใหญ่จะเข้าสู่ระยะ REM 5 ถึง 6 ครั้งต่อคืน
ทุกๆช่วงของการนอนหลับมีความสำคัญ แต่การนอนหลับลึก และการนอนหลับแบบ REM นั้นสำคัญที่สุด การเข้าสู่ภาวะ REM จะทำให้ร่างกายได้รับฟื้นฟูอย่างมาก เราจึงแนะนำให้ค้นหาว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างขั้นตอนการนอนหลับแบบ REM และค้นพบว่าเหตุใดการนอนที่เข้าสู้ภาวะ REM หลายรอบในแต่ละคืนจึงสำคัญ
ความวิตกกังวลในการนอนหลับ
คุณน่าจะเคยมีประสบการณ์เกี่ยวกับ ความวิตกกังวล ในระหว่างการนอน คุณอาจเคยตื่นขึ้นมากลางดึกพร้อมกับในหัว ยังคิดถึงงานที่ยังทำไม่เสร็จในแต่ละวันอยู่ นั้นหมายความว่าอาการวิตกกังวลและอาการนอนไม่หลับมีความสัมพันธ์กัน
ความเครียดและความวิตกกังวลเป็นปัจจัยเสี่ยงนำไปสู่การนอนไม่หลับ ความวิตกกังวลยังสามารถทำให้หลับยากขึ้น และยังอาจทำให้คุณนอนหลับไม่สนิทอีกด้วย
ในทำนองเดียวกันผู้ที่ประสบปัญหาการนอนไม่หลับเรื้อรัง อาจเกิดความวิตกกังวลได้ เมื่อถึงเวลาจะเข้านอน อาจจะมีความกังวลและกลัวว่าตัวเองจะนอนหลับไม่สนิท ทำให้คุณรู้สึกกระสับ กระส่าย หรือพลิกตัวไปมาตลอดทั้งคืนได้
หากความวิตกกังวลส่งผลต่อการนอนหลับของคุณ การเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิต อาจช่วยให้อาการดีขึ้นได้
การเดินเป็นระยะทางสั้นๆก่อนนอน สามารถช่วยให้คุณนอนหลับได้ดีขึ้น เช่นเดียวกับการ“ ปิด” และ วางอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ทั้งหมด เป็นเวลาหนึ่งชั่วโมงก่อนนอน หรือบางครั้งอาจเขียนรายการสิ่งที่ต้องทำขึ้นมาเพื่อให้สมองคุณได้คิดก่อนล้มตัวลงนอน
หากปัญหาการนอนไม่หลับของคุณเรื้อรัง ถึงเวลาที่ต้องปรึกษาแพทย์แล้ว แพทย์สามารถแนะนำวิธีการรักษาที่จะช่วยให้คุณนอนหลับได้ดีขึ้น เช่น ยาช่วยนอน (sleep aids) และ การบำบัดความคิดและพฤติกรรม (CBT )
ฮอร์โมนของการนอนหลับ
ฮอร์โมนเมลาโทนิน (melatonin) ถูกสร้างขึ้นตามธรรมชาติ มีหน้าที่บอกให้ร่างกายของคุณทำงานช้าลงในตอนเย็นและเตรียมพร้อมสำหรับการนอนหลับ ด้วยเหตุนี้จึงมักเรียกว่า“ ฮอร์โมนแห่งการนอนหลับ”
ในขณะเดียวกัน เมลาโทนินไม่ได้มีหน้าที่ในการช่วยให้นอนหลับเพียงอย่างเดียว แต่ยังส่งผลต่อจังหวะการทำงานของร่างกายด้วย โดยฮอร์โมนนี้จะเป็นตัวบอกคุณว่าเมื่อใดควรตื่น ควรกิน และควรนอน
ตัวอย่างเช่นเมื่อร่างกายของคุณรู้สึกว่าวันนี้มืดลง มันจะผลิตเมลาโทนินมากขึ้นเพื่อให้คุณพร้อมที่จะเข้านอน และเมื่อดวงอาทิตย์ขึ้น ร่างกายของคุณรับรู้ถึงแสงสว่าง มันจะหยุดการผลิตเมลาโทนินเพื่อให้คุณตื่นขึ้นมา
นอกจากนี้ยังมีผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเมลาโทนิน หากคุณกำลังประสบปัญหาการนอนไม่หลับ ให้พิจารณาผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่เพิ่มระดับฮอร์โมนเมลาโทนิน เพื่อให้ร่างกายของคุณกลับสู่วงจรการนอนหลับได้ตามปกติ
โปรดทราบว่า อาจเกิดผลข้างเคียงจากยาได้ ควรปรึกษาแพทย์เรื่องการใช้เมลาโทนินก่อน
นอกจากช่วยส่งเสริมการนอนหลับแล้ว เมลาโทนินยังสามารถลดอาการเสียดท้อง และอาการหูอื้อได้อีกด้วย
ภาวะถดถอยของการนอนหลับ ( Sleep regression )
ทารกต้องการการนอนหลับมากในช่วงแรก ๆ แต่เมื่ออายุได้ประมาณ 4 เดือนวงจรการนอนหลับของพวกเขาอาจยุ่งเหยิง
สิ่งนี้เรียกว่าภาวะถดถอยของการนอนหลับ 4 เดือน (4-month sleep regression) เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ปกติ และมักเป็นชั่วคราว แต่อาจเป็นเรื่องที่น่าหงุดหงิดสำหรับพ่อแม่และผู้เลี้ยงดู
ในช่วงนี้ ทารกกำลังเติบโต และเรียนรู้สิ่งรอบตัวได้มากขึ้น ซึ่งอาจส่งผลให้รูปแบบการนอนของพวกเขาเปลี่ยนไปด้วย ลูกของคุณอาจตื่นขึ้นมาในตอนกลางคืน และอาจจะไม่กลับไปนอนอีก ก็เป็นได้
อาการของภาวะถดถอยของการนอนหลับ ได้แก่ :
● งอแง
● งีบหลับน้อยลงในระหว่างวัน
แต่หากบุตรของคุณมีอาการเช่น มีไข้ มีน้ำมูก หรือปวดท้อง ก็อาจเกิดจากอาการป่วยได้
คุณสามารถจัดการกับภาวะถดถอยของการนอนหลับได้โดยพยายามหากิจกรรมให้ลูกได้ใช้พลังงาน และ ให้เขาได้ใช้เวลาค้นหาทักษะต่างๆ รวมไปถึงให้เวลาลูกและคุณได้มีส่วนร่วมในการทำกิจกรรมหลายๆอย่าง
นอกจากนี้คุณยังสามารถตรวจสอบได้ว่าลูกของคุณได้รับอาหารที่เพียงพอหรือไม่ ทารกที่กำลังก้าวเข้าสู่พัฒนาการใหม่ ๆ หรือทารกที่มีการสำรวจสภาพแวดล้อมรอบตัวมากขึ้น อาจเสียสมาธิและไม่ค่อยกินอาหาร การให้ทารกได้กินอย่างเต็มที่ จนหน้าท้องตรึงสามารถช่วยให้นอนหลับได้นานขึ้น
นอกจากนี้ อย่าลืมทำให้ห้องนอนของพวกเขามืดที่สุด ห้องที่มืดอาจทำให้พวกเขากลับไปนอนได้เร็วขึ้น หากมีการตื่นขึ้นมาระหว่างนอนหลับ อย่างไรก็ตามแสงธรรมชาติอาจกระตุ้นพวกเขาให้ตื่นขึ้นมาได้
ข้อคิด (Take away)
สำหรับบางคน การนอนหลับสามารถเกิดขึ้นได้ตามธรรมชาติ เช่นเดียวกับการกระพริบตาหรือการหายใจ แต่สำหรับบางคน การนอนหลับอย่างเพียงพอและมีคุณภาพถือเป็นความท้าทายสำคัญที่ต้องอาศัยการเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิต หรือได้รับการรักษาบำบัดทางการแพทย์
มีสาเหตุหลายประการสำหรับปัญหาการนอนไม่หลับ ตั้งแต่ความเครียดในระยะสั้น ไปจนถึงความผิดปกติของการนอนไม่หลับที่ร้ายแรงในระยะยาว หากคุณมีปัญหาการนอนไม่หลับเรื้อรัง ควรปรึกษาแพทย์เพื่อหาทางแก้ไข
การรักษาด้วยยาที่พบบ่อย
อาจพิจารณาการรักษาเหล่านี้ สำหรับปัญหาการนอนหลับที่พบได้บ่อย:
● ยานอนหลับในกลุ่ม diphenhydramine (Benadryl, Aleve PM) and doxylamine succinate (Unisom)
● สารสะกัดธรรมชาติที่ช่วยให้นอนหลับ เช่น สารเมลาโทนิน วาเลอเรียน และลาเวนเดอร์
● น้ำมันหอมระเหย เช่น คลารี เสจ (clary sage ) ลาเวนเดอร์ และ สลีปเบลนด์ ( sleep blends )
นี่คือแหล่งที่มาในบทความของเรา
25 May, 2021 | สุมุกดา ฉิมโพธิ์กลาง | No Comments
9ตัวช่วยเรื่องการนอนด้วยวิธีธรรมชาติ
7 ตัวช่วยเรื่องการนอนด้วยวิธีธรรมชาติที่อาจทำให้คุณนอนหลับสบาย (9 Natural Sleep Aids That May Help You Get Some Shut-Eye)
การได้นอนหลับในจำนวนชั่วโมงที่ดีคือสิ่งที่สำคัญต่อสุขภาพได้อย่างเหลือเชื่อ
การนอนหลับสามารถช่วยทำให้ร่างกายและการทำงานของสมองเป็นไปอย่างเหมาะสม การได้นอนหลับอย่างดีในช่วงเวลากลางคืนสามารถทำให้การเรียนรู้, ความทรงจำ, การตัดสินใจ,และการมีความคิดสร้างสรรดีขึ้น
ยิ่งไปกว่านั้น การนอนไม่เพียงพอสามารถทำให้เกิดความเสี่ยงสูงในการเกิดโรค เช่น โรคหัวใจ โรคเบาหวาน และโรคอ้วน
อย่างไรก็ตาม การนอนหลับอย่างมีคุณภาพและได้ปริมาณสามารถทำให้เกิดความเสี่ยงต่ำ มากถึงมากกว่าคนที่มีนอนไม่พอ
จำให้ขึ้นใจว่าการนอนหลับที่ดีเริ่มได้ด้วยการฝึกและทำจนเป็นนิสัย แต่กระนั้นสำหรับบางคนด้วยวิธีแค่นั้นอาจยังไม่เพียงพอ
หากคุณกำลังมองหาการช่วยเหลือพิเศษเพื่อช่วยเรื่องการนอนหลับในเวลากลางคืนอยู่ ควรลองปฏิบัติตาม 9 วิธีช่วยให้นอนหลับได้ด้วยอาหารเสริม
1. เมลาโทนินMelatonin
เมลาโทนินคือฮอร์โมนที่ร่างกายเราผลิตตามธรรมชาติ เป็นตัวส่งสัญญานไปยังสมองว่าถึงเวลาต้องนอน
วงจรของฮอร์โมนชนิดนี้จะสร้างและปล่อยออกมาเป็นประจำทุกๆวัน-ระดับของเมลาโทนินตามธรรมชาติจะเพิ่มขึ้นสูงในช่วงเย็นและลดลงในช่วงเช้า
ด้วยเหตุนี้เอง การรับประทานอาหารเสริมเมลาโทนินจึงได้กลายมาเป็นที่นิยมในการแก้ปัญหาเรื่องการนอน โดยเฉพาะในกรณีที่วงจรของเมลาโทนินถูกทำให้หยุดชะงัก เช่นอาการเจ็ตแล๊ก
จากการศึกษาหลายตัวอย่างรายงานว่าเมลาโทนินสามารถทำให้คุณภาพและระยะเวลาในการนอนในช่วงกลางวันดีขึ้นได้ด้วย สิ่งนี้เองเป็นผลดีอย่างยิ่งโดยเฉพาะกับคนที่มีตารางรูปแบบการใช้ชีวิตด้วยการนอนในช่วงกลางวัน เช่นพนักงานที่ต้องทำงานเป็นกะ
ยิ่งไปกว่านั้น เมลาโทนินยังอาจทำให้คุณภาพการนอนของผู้ที่มีความผิดปกติด้านการนอนโดยรวมดีขึ้นได้ โดยเฉพาะ เมลาโทนินเองนั้นยังช่วยลดระยะเวลาก่อนหลับและเพิ่มระยะเวลาหลับ
อาหารเสริมเมลาโทนินมีความปลอดภัยสำหรับผู้ใหญ่ในการใช้ทั้งระยะสั้นและระยะยาว
บทสรุป
อาหารเสริมเมลาโทนินสามารถช่วยให้คุณภาพการนอนดีขึ้น และดูเหมือนจะช่วยได้มากเป็นพิเศษสำหรับคนที่มีภาวะเจ๊ตแล๊กหรือต้องทำงานเป็นกะ
2. รากวาเลอเรียน
วาเลอเรียนคือพืชสมุนไพรที่มีต้นกำเนิดอยู่ในแถบยุโรปและภูมิภาคเอเซีย รากของวาเลอเรียนนำมาใช้เป็นสมุนไพรสำหรับรักษาอาการวิตกกังวล ซึมเศร้า และวัยหมดประจำเดือน รวมไปถึงโรคเครียด นอนไม่หลับ
รากวาเลอเรียนตือหนึ่งในพืชที่ถูกนำมาใช้เป็นพืชสมุนไพรที่ช่วยในการนอนหลับมากที่สุดตัวหนึ่งในสหรัฐอเมริกาและแถบยุโรป
แต่อย่างไรก็ตาม ผลการศึกษานั้นก็ยังมีความไม่แน่นอนนัก
วัยหมดประจำเดือนและวัยหลังหมดประจำเดือนของผู้หญิงพบว่ามักมีอาการของโรคนอนไม่หลับและมีคุณภาพการนอนมีปัญหา ผลจากการทดลองแบบสุ่มและมีกลุ่มควบคุม พบว่าหลังจากรับประทานวาเลอเรียนแล้วอาการต่างๆกลับดีขึ้น
ตามรายงานการรับประทานวาเลอเรียนปริมาณ 300-900 มก.เป็นประจำก่อนนอน สามารถช่วยให้อัตราการนอนมีคุณภาพดีขึ้น
แต่ถึงอย่างนั้นก็ตาม จากการทดลองจากทั้งกลุุ่มสุ่มและการศึกษาอื่นๆพบว่าดีขึ้นต่อส่วนการตอบรับการรับรู้การนอนที่มีคุณภาพได้ค่อนข้างดีในระหว่างการนอนหลับ เช่น คลื่นสมองหรืออัตราการเต้นของหัวใจ
การรับประทานรากวาเลอเรียนในระยะสั้นนั้นมีความปลอดภัยสำหรับผู้ใหญ่ที่รับประทานไม่มากหรือไม่บ่อยนัก
แต่อย่างไรก็ตามการใช้ในระยะยาวเพื่อความปลอดภัยอาจต้องดูเป็นพิเศษสำหรับบางคน เช่นหญิงตั้งครรภ์หรือผู้หญิงที่กำลังให้นมบุตร
บทสรุป
รากวาเลอเรียนอาจช่วยทำให้คุณภาพการนอนและอาการโรคนอนไม่หลับดีขึ้นในบางคน จากการศึกษาส่วนใหญ่พบว่ามีความปลอดภัยเมื่อใช้ในระยะยาว
3. แมกนีเซียม
แมกนีเซียมคือแร่ธาตุที่มีความเกี่ยวข้องกับกระบวนการต่างๆนับร้อยของร่างกาย และมีความสำคัญต่อการทำงานของสมองและสุขภาพของหัวใจ
อีกทั้งยังอาจช่วยทำให้ร่างกายและจิตใจสงบ ทำให้การนอนหลับนั้นง่ายมากขึ้นได้
จากการศึกษาแสดงให้เห็นว่าแมกนีเซียมมีผลต่อการพักผ่อนซึ่งส่วนหนึ่งเป็นเพราะว่าสามารถควบคุมการสร้างสารเมลาโทนินได้ อย่างที่ทราบกันมาแมกนีเซียมช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อและมีผลต่อการนอน
จากการศึกษาพบว่าการนำมารวมกันทั้งแมกนีเซียม เมลาโทนิน และวิตามินบีนั้นสามารถช่วยรักษาอาการโรคนอนไม่หลับได้แทบทุกสาเหตุ
แมกนีเซียมยังช่วยเพิ่มระดับแกมมา อะมิโนบิวทีริก แอซิด (กาบา) (กรดอะมิโนที่ทำหน้าที่เป็นสารสื่อประสาท) ช่วยส่งการสื่อสารไปที่สมองให้ผ่อนคลายลง
จากการศึกษารายงานว่าการมีระดับของแมกนีเซียมที่ไม่เพียงพอในร่างกายมีส่วนเกี่ยวข้องกับปัญหาด้านการนอนและโรคนอนไม่หลับ
หรืออีกนัยหนึ่งคือการรับประทานอาหารเสริมแมกนีเซียมเพิ่มมากขึ้นอาจช่วยเพิ่มคุณภาพและระยะเวลานอนของคุณให้มีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้นได้
จากการศึกษาผู้เข้าร่วมทดลองจำนวน 46 คน ให้รับประทานแมกนีเซียม 500 มก.หรือยาหลอกเป็นประจำทุกวันเป็นเวลา 8 สัปดาห์ กลุ่มที่รับประทานแมกนีเซียมมีคุณภาพการนอนโดยรวมดีขึ้น ในกลุ่มดังกล่าวพบว่ามีสารเมลาโทนินและสารเรนินในเลือดสูงมากขึ้น ซึ่งฮอร์โมนทั้งสองชนิดนี้มีผลควบคุมในการนอน
จากการศึกษาอีกกลุ่มหนึ่งพบว่าการให้ผู้เข้าร่วมรับประทานอาหารเสริมแมกนีเซียมปริมาณ 225 มก.นั้นมีมีการนอนที่ดีกว่ากลุ่มที่ได้รับยาหลอก แต่กระนั้นก็ตามการรับประทานเมลาโทนิน 5 มก.และซิงค์ 11.25 มก.นั้นยังไม่ส่งผลที่ดีเท้ากับการทานแมกนีเซียมเพียงตัวเดียว
แต่จากการศึกษาที่สองตัวอย่างกลับพบว่าไม่มีประโยชน์อะไรกับผู้สูงอายุ คนที่อาจมีระดับแมกนีเซียมในเลือดต่ำ จึงยังเป็นเรื่องไม่แน่นอนที่ผลที่ได้นี้อาจส่งผลแต่เฉพาะกับคนที่แข็งแรงที่มีการรับประทานแมกนีเซียมเป็นประจำมาอยู่แล้วหรือไม่
บทสรุป
แมกนีเซียมมีผลทำให้ทั้งร่างกายและสมองมีการผ่อนคลาย ซึ่งสิ่งนี้เองอาจช่วยให้คุณภาพการนอนอาจดีขึ้นได้
4. ลาเวนเดอร์
พืชตระกูลลาเวนเดอร์สามารถพบเจอได้เกือบทั่วโลก เป็นดอกไม้สีม่วงเมื่อแห้งสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้มากมาย
ลาเวนเดอร์มีกลิ่นหอมช่วยผ่อนคลายที่เชื่อกันว่าช่วยทำให้การนอนหลับดีขึ้น
ในความเป็นจริงแล้ว จากการศึกษาหลายกรณีแสดงให้เห็นว่าการสูดดมกลิ่นลาเวนเดอร์เบาๆก่อนนอนก็เพียงพอที่จะทำให้คุณภาพการนอนดีขึ้นแล้ว ได้ผลดีสำหรับคนที่แข็งแรงซึ่งมีปัญหาโรคนอนไม่หลับชนิดที่เป็นไม่มาก โดยเฉพาะในผู้หญิงและเด็ก
จากการศึกษาผู้สูงอายุที่มีภาวะสมองเสื่อมมีรายงานว่าการบำบัดรักษาโรคโดยใช้กลิ่นลาเวนเดอร์ส่งผลให้อาการนอนไม่หลับดีขึ้น จำนวนระยะการนอนมีเพิ่มมากขึ้น ในบางรายที่มีการตื่นเช้ามากเกินไป (ราว 3 นาฬิกา) พบว่าสามารถหลับไปนอนต่อได้อีกครั้ง
อีกการศึกษาหนึ่งของคนจำนวน 221 คนที่มีภาวะวิตกกังวล ให้ใช้น้ำมันลาเวนเดอร์ปริมาณ 80 มก.ทุกวันให้กลุ่มทดลองและกลุ่มยาหลอก
เมื่อครบ 10 สัปดาห์ พบว่าทั้งสองกลุ่มมีระยะการนอนและมีคุณภาพการนอนที่ดีขึ้น กลุ่มที่ใช้ลาเวนเดอร์ส่งผลดีกว่า 14-24% โดยไม่มีรายงานได้รับผลกระทบข้างเคียง
ถึงแม้จะพบว่าการบำบัดด้วยกลิ่นลาเวนเดอร์จะมีความปลอดภัยก็ตาม แต่การรับประทานลาเวนเดอร์อาจทำให้เกิดอาการคลื่นไส้และปวดท้องได้ในบางราย น้ำมันหอมระเหยมีจุดประสงค์เพื่อการบำบัดโรคโดยใช้กลิ่นและไม่ได้มีไว้เพื่อรับประทาน
บทสรุป
การบำบัดด้วยกลิ่นลาเวนเดอร์อาจช่วยทำให้การนอนดีขึ้นได้ จากการศึกษาส่วนใหญ่พบว่าการใช้อาหารเสริมลาเวนเดอร์มีความจำเป็นต้องได้รับการประเมินก่อนการใช้เพื่อประสิทธิผลและความปลอดภัย
5. ดอกเสาวรส
ดอกเสาวรสหรืออีกชื่อคือ Passiflora incarnata หรือ เมย์ป็อป คือพืชสมุนไพรที่นิยมนำมาใช้รักษาโรคนอนไม่หลับ
ตระกูลดอกเสาวรสมีความเกี่ยวเนื่องในการทำให้การนอนดีขึ้นนั้นมีถิ่นกำเนิดอยู่ในสหรัฐอเมริกาเหนือ และมีการเพาะผลูกในแถบยุโรป, เอเซีย, แอฟริกาและออสเตรเลีย
ดอกเสาวรสมีผลต่อการนอนจากการศึกษาผ่านสัตว์ทดลอง แต่กระนั้นก้พบว่าส่งผลต่อมนุษย์ด้วยเช่นกันขึ้นอยู่กับลักษณะของการบริโภค
จากการศึกษาในมนุษย์ เมื่อเทียบผลที่ได้จากกลุ่มที่ดื่มชาเสาวรสกับกลุ่มที่ดื่มชาหลอกที่ทำมาจากใบพาร์สลีย์
หลังจากให้ผู้เข้าร่วมการทดลองดื่มชา 1 ชั่วโมงก่อนนอนเป็นเวลา 1 สัปดาห์ จากนั้นหยุดพัก 1สัปดาห์และจากนั้นเป็นชาสองซอง แต่ละซองแช่ไว้ประมาณ 10 นาที จากนั้นนักวิจัยก็เฝ้าสังเกตดูคุณภาพของการนอน
เมื่อสิ้นสุดสัปดาห์ที่สาม จากการเฝ้าสังเกตประเมินได้ว่าผู้เข้าร่วมการทดลองไม่ได้ทำให้การนอนนั้นดีขึ้น
แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อมีการสอบถามถึงอัตราคุณภาพการนอนของผู้ทดลอง พบว่าอัตราสูงขึ้นราว 5%ของคนที่ดื่มชาเสาวรสเมื่อเทียบกับคนที่ดื่มชาใบพาร์สลีย์
จากการศึกษาคนที่มีภาวะโรคนอนไม่หลับเมื่อเร็วๆนี้พบว่า คนที่มีการใช้เสาวรสสกัดนานมากกว่า 2 สัปดาห์เห็นได้ชัดว่าค่าการนอนหลับนั้นดีขึ้นกว่าเมื่อเทียบกับกลุุ่มที่ใช้ยาหลอก
ค่ากำหนดดังกล่าวดูจาก:
● จำนวนชั่วโมงในการนอนทั้งหมด
● ประสิทธิภาพในการนอน, หรือเปอร์เซ็นต์ของเวลาที่ใช้ในการนอนที่ไม่ใช่การนอนแบบไม่หลับบนเตียง
● เวลาตื่นนอนนับจากตอนเริ่มเข้านอน
จากการศึกษาเมื่อปี 1998 มีการเปรียบเทียบผลที่ได้จากการรับประทานระหว่างอาหารเสริมเสาวรสจำนวน 1.2 กรัม, ยานอนหลับทั่วไปและยาหลอก นักวิจัยพบว่าไม่มีความแตกต่างกันระหว่างกลุ่มที่ทานอาหารเสริมเสาวรสกับกลุ่มยาหลอก
การศึกษาเพิ่มเติมจึงมีความจำเป็น แต่การรับประทานเสาวรสก็ไม่มได้ส่งผลที่แย่เพราะมีความปลอดภัยสำหรับผู้ใหญ่ อีกทั้งเสาวรสอาจช่วยก่อให้เกิดประโยชน์เมื่อบริโภคเป็นชาหรือสกัดที่ไม่ใช่อาหารเสริม
บทสรุป
ชาเสาวรสหรือเสาวรสสกัดอาจช่วยให้คุณภาพการนอนดีขึ้นบ้างในบางราย แต่อย่างไรก็ตามหลักฐานดังกล่าวมีผสมผสานกันไปและบางการศึกษารายงานว่าไม่มีผลใดๆ ดังนั้นการศึกษาเพิ่มเติมจึงเป็นสิ่งจำเป็น
6. ไกลซีน
ไกลซีนคือกรดอะมิดนที่มีบทบาทที่สำคัญต่อระบบประสาท จากการศึกษาพบว่าอาจช่วยทำให้การนอนหลับดีขึ้น
การทำงานที่แน่ชัดอาจยังไม่เป็นที่แน่นอน แต่ที่แน่ๆคือไกลซีนนั้นมีส่วนช่วยทำให้อุณหภูมิของร่างกายลดลงในเวลานอนช่วงกลางคืน เป็นการส่งสัญญานว่าถึงเวลานอนแล้ว
จากการศึกษาเมื่อปี 2006 ผู้ร่วมการทดลองที่มีปัญหาด้านการนอนให้บริโภคไกลซีน 3 กรัมทันทีก่อนเวลานอนกับกลุ่มยาหลอก
กลุ่มที่ได้รับไกลซีนรายงานว่ารู้สึกเหนื่อยล้าน้อยลงในเช้าวันถัดมา พวกเขาบอกว่ารู้สึกมีชีวิตชีวา,กระชุ่มกระชวยและสดใสมากขึ้นในเช้าวันต่อมา
การศึกษาเมื่อปี 2007 จากการติดตามผลของไกลซีนในผู้เข้ากลุ่มทดลองที่มีปัญหาด้านการนอน ด้วยการตรวจวัดระดับของคลื่นสมอง, อัตราการเต้นของหัวใจและการหายใจในขณะนอนหลับ
ผู้ร่วมกลุ่มทดลองที่รับประทานไกลซีน 3 กรัมก่อนนอนแสดงให้เห็นว่าระดับต่างๆที่ตรวจวัดจากการนอนมีคุณภาพที่ดีขึ้นเมื่อเทียบกับกลุ่มที่ใช้ยาหลอก อาหารเสริมไกลซีนยังช่วยทำให้ผู้เข้าร่วมกลุ่มทดลองสามารถนอนหลับได้เร็วขึ้นอีกด้วย
ไกลซีนยังช่วยให้ช่วงกลางวันมีประสิทธิภาพมากขึ้นในรายที่มีภาวะขาดการนอนหลับชั่วคราว ตามข้อมูลการศึกษากลุ่มขนาดเล็ก
ผู้เข้าร่วมกลุ่มการทดลองที่มีการจำกัดการนอนเป็นเวลา 3 คืนติดต่อกัน ในแต่ละคืนก่อนนอนให้มีการรับประทานไกลซีน 3 กรัม อีกกลุททานยาหลอก 3 กรัม กลุ่มที่ทานไกลซีนรายงานผลว่าสามารถลดความเหนื่อล้าและการง่วงในเวลากลางวันได้ดีกว่าอีกกลุ่ม
คุณสามารถหาไกลได้ทั้งรูปแบบยาเม็ดหรือชนิดผงที่สามารถนำมาละลายในน้ำ โดยรับประทานได้ 0.8 กรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กก. ต่อวัน แต่จำเป็นต้องมีการศึกษาเพิ่มเติม จากการศึกษาผู้ร่วมกลุ่มทดลองพบว่ารับประทานเพียงแค่วันละ 3 กรัมต่อวันเท่านั้น
คุณสามารถเพิ่มการรับประทานไกลซีนได้ด้วยการรับประทานอาหารที่อุดมไปด้วยสารอาหารนี้ได้เช่น:
● ผลิตผลจากสัตว์เช่น น้ำต้มกระดูก, เนื้อ, ไข่, สัตว์ปีก, และปลา
● ถั่วต่างๆ
● ผักโขม
● ผักเคล
● ผักกระหล่ำ
● ผลไม้เช่นกล้วยและกีวี่
บทสรุป
การบริโภคไกลซีนทันทีก่อนนอนอาจช่วยทำให้นอนหลับได้เร็วขึ้นและยังช่วยทำให้คุณภาพการนอนโดยรวมดีขึ้น
7 อาหารเสริมชนิดอื่นๆ
มีอาหารเสริมอีกมากมายหลายชนิดที่มีตามท้องตลาด แต่ไม่ใช่ทั้งหมดที่ได้รับการสนับสนุนให้รับประทาน
รายชื่อด้านล่างนี้คืออาหารเสริมบางชนิดที่อาจมีประโยชน์ในเรื่องการนอนแต่จำเป็นต้องได้รับการค้นคว้าเพิ่มเติม
● ทริพโตเฟน: จากรายงาน การรับประทานปริมาณขั้นต่ำ 1 กรัมต่อวัน กรดอะมิโนที่จำเป็นนี้สามารถช่วยทำให้คุณภาพการนอนดีขึ้นได้ ในปริมาณดังกล่าวนี้ยังช่วยทำให้นอนได้เร็วมากขึ้นอีกด้วย
● ใบแปะก๊วย: จากการศึกษาในผู้สูงอายุที่บริโภคแปะก๊วย 240 มก. 30-60 นาทีก่อนนอนอาจช่วยลดความเครียด, ช่วยผ่อนคลายและทำให้การนอนดีขึ้น
● แอล-ธีอะนีน: การบริโภคในปริมาณ 400 มก.เป็นประจำทุกวัน ส่วนประกอบที่เป็นกรออะมิโนในอาหารเสริมนี้จะช่วยทำให้ผ่อนคลายและการนอนหลับดีขึ้น จากการทดลองในสัตว์พบว่าจะยิ่งได้ผลดีขึ้นเมื่อใช้ร่วมกับกาบา (GABA)
คาวา คือพืชชนิดหนึ่งซึ่งส่งผลเรื่องการนอนหลับ มีต้นกำเนิดมาจากหมู่เกาะแปซิฟิกใต้ รากของคาวาถูกนำมาใช้เป็นชา ซึ่งสามารถหาบริโภคได้ในรูปแบบชองอาหารเสริม
แต่อย่างไรก็ดี คาวานี้ก็มีส่วนเกี่ยวข้องที่อาจทำให้ตับได้รับความเสียหายที่รุนแรงได้ อาจเกิดจากการผลิตที่มีคุณภาพไม่ดีหรือมีการเจือปน ในบางประเทศอย่างเช่นในแคนาดาและบางส่วนของยุโรป มีการสั่งห้ามการใช้เด็ดขาด
จึงควรต้องมีความระมัดระวังมากเป็นพิเศษก่อนการเลือกใช้คาวา
บทสรุป
ทริพโตเฟน, ใบแปะก๊วยและแอล-ธีอะนีนอาจช่วยในการนอนหลับได้ แต่อย่างไรก็ตามทั้งหมดนี้ควรมีการศึกษาเพิ่มเติม เพื่อหาข้อสรุปที่มั่นใจพอในการใช้ ควรเพิ่มความระมัดระวังก่อนการใช้คาวาเพื่อการนอนหลับ
ยาทางเลือกอื่นที่สามารถหาซื้อได้ตามร้านขายยาทั่วไป
ยานอนหลับอื่นๆที่สามารถหาซื้อได้ตามร้านขายยาทั่วไปเช่น ยาไดเฟนไฮดรามีนและ ยาด็อกซีลามีน ทั้งคู่จัดเป็นยาประเภทยาแก้แพ้
ไดเฟนไฮดรามีน คือยาที่นิยมนำมาใช้ที่มีส่วนผสมออกฤทธิ์แก้แพ้เช่น ยาเบนาดริล โดยหลักๆแล้วยาไดเฟนไฮดรามีนไม่ใช่ยานอนหลับ แต่ปริมาณยาสามารถทำให้เกิดอาการง่วงและส่งผลช่วยในการนอนหลับได้
มีหลายหลักฐานพบว่าการใช้ยาชนิดนี้มาช่วยในการนอนหลับนั้นไม่ใช่เรื่องดี ผู้เชี่ยวชาญหลายท่านแนะนำว่าไม่ควรใช้ไดเฟนไฮดรามีนและยาด็อกซีลามีน บางท่านว่าพวกมันจะไปลดคุณภาพการนอน
และอาจมีผลข้างเคียงอื่นๆตามมารวมไปถึงอาการมึนงง สับสนและปากแห้ง
การใช้ยานอนหลับที่สามารถหาซื้อได้ตามร้านขายยาทั่วไปเป็นระยะเวลานานๆอาจนำไปสู่ภาวะการดื้อยา ยิ่งเวลาผ่านไปการใช้ยากลุ่มแอนตี้โคลิเนอร์จิก เช่นยาต้านฮีสตามีน สามารถเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคสมองเสื่อมได้
หากคุณสนใจอยากลองรับประทานยานอนหลับ คุณควรศึกษาการใช้อย่างเคร่งครัด และไม่ควรใช้มากกว่า 2 สัปดาห์ติดต่อกัน
คนที่มีภาวะโรคเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ, ระดับความดันโลหิตสูง, หรือโรคหัวใจควรหลีกเลี่ยงยาทั้งสองชนิดดังกล่าว เพราะยาทั้งสองตัวอาจไปทำปฏิกิริยาต่อระบบประสาทและอาจนำไปสู่ภาวะหัวใจเต้นเร็ว
ในผู้สูงอายุ โดยเฉพาะคนที่มีปัญหาเกี่ยวกับตับหรือไต ไม่ควรใช้ยาไดเฟนไฮดรามีน เพราะอาจเพิ่มความเสี่ยงให้เกิดผลข้างเคียงที่ไม่ดีได้
บทสรุป
ยาต้านฮีสตามีน ไดเฟนไฮดรามีนและยาด็อกซีลามีน อาจช่วยในการนอนหลับได้ ถึงแม้จะไม่ใช้จุดประสงค์หลักของตัวยาก็ตาม จากหลักฐานที่พบ เราควรรับทราบผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้ก่อนการใช้ยาดังกล่าว
ความเสี่ยงและข้อควรระวัง
ควรปรึกษาแพทย์ก่อนการใช้สมุนไพรหรือยาที่สามารถหาซื้อได้เองตามร้านขายยาทั่วไปสำหรับเป็นยานอนหลับ โดยเฉพาะคนที่มีแนวโน้มว่าตัวยาอาจมีปฏิกิริยาโรคบางอย่างเช่น ยาเจือจางเลือด
ดังนั้นควรแจ้งให้แพทย์ทราบหากคุณมีปัญหาด้านการนอนมาไม่น้อยกว่า 2 สัปดาห์
ยานอนหลับที่สามารถหาซื้อได้ตามร้านขายยาทั่วไปมักมีผลข้างเคียงน้อยก็จริงแต่อย่างไรก็ตาม ก็เป็นเรื่องสำคัญที่ควรระมัดระวัง ยาบางชนิดอาจส่งผลในระยะยาวได้
ผลข้างเคียงที่อาจมีร่วมกับการใช้ยานอนหลับตามรายละเอียดด้านล่างนี้ ผลข้างเคียงบางอย่างอาจเพิ่งมีรายงานไม่มากนักหรือบางอย่างอาจเกิดขึ้นกับคนที่ได้รับยาในปริมาณที่สูงเท่านั้น
● เมลาโทนิน: มีผลข้างเคียงน้อยมาก เช่น ปวดศีรษะ, คลื่นไส้และมึนงง
● รากวาเลอเรียน: ท้องเสีย, ปวดศีรษะ, คลื่นไส้,และใจสั่น
● แมกนีเซียม: ท้องเสีย, คลื่นไส้, และอาเจียน เมื่อรับประทานในปริมาณสูง
● ลาเวนเดอร์: คลื่นไส้และอาหารไม่ย่อย
● ดอกเสาวรส: มึนงงและสับสน พบได้ในบางครั้ง
● ไกลซีน: ถ่ายเหลวและปวดท้อง พบได้น้อยครั้ง
● ทริพโตเฟน: คลื่นไส้เล็กน้อย, ปากแห้ง,มึนงงและมือสั่น
● ใบแปะก๊วย: มีผลข้างเคียงน้อยและแทบไม่มี เช่นท้องเสีย, ปวดศีรษะ, คลื่นไส้และขึ้นผื่น
● แอล-ธีอะนีน: ยังไม่มีผลข้างเคียงโดยตรงและเป็นที่แน่ชัดเมื่อรับประทานเดี่ยวๆ ท้องเสียและปวดท้องเมื่อรับประทานร่วมกับแอล-ซีสเทอีน
ผู้หญิงที่กำลังตั้งครรภ์หรือกำลังให้นมบุตรควรปรึกษาแพทย์ก่อนการใช้ยาและอาหารเสริมที่แนะนำไปทุกชนิด
แมกนีเซียม, ไกลซีนและทริฟโตเฟนมีความสำคัญย่างยิ่งสำหรับการพัฒนาของตัวอ่อนในครรภ์มารดา และไม่จำเป็นต้องหลีกเลี่ยงหากคุณกำลังตั้งครรภ์หรือกำลังให้นมบุตร อย่างไรก็ตามแพทย์จะเป็นผู้ที่สามารถแนะนำปริมาณของยาได้อย่างเหมาะสมเพื่อหลีกเลี่ยงโอกาสที่จะเกิดผลข้างเคียง
บทสรุป
ยานอนหลับที่สามารถหาซื้อได้ตามร้านขายยาทั่วไปมีผลข้างเคียงน้อยมากหากใช้ในระยะสั้น ควรปรึกษาแพทย์ก่อนการใช้สมุนไพรหรือยานอนหลับ หลีกเลี่ยงการใช้ยาดังกล่าวหากกำลังตั้งครรภ์หรือกำลังให้นมบุตร
นี่คือแหล่งที่มาในบทความของเรา
● https://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/insomnia/symptoms-causes/syc-20355167
● https://www.webmd.com/sleep-disorders/insomnia-symptoms-and-causes
● https://www.sleepfoundation.org/insomnia
● https://www.nhs.uk/conditions/insomnia/
ทำไมถึงใช้วิธีดูแลตัวเองที่บ้านสำหรับผู้ที่เป็นโรคนอนไม่หลับ
ผู้คนมากมายมีอาการนอนไม่หลับ ซึ่งความผิดปกติทางการนอนหลับนี้ทำให้ผู้ที่มีอาการหลับยาก และไม่หลับจนถึงเวลาที่ต้องตื่น
แม้ว่าการนอนหลับที่เพียงพอจะแตต่างกันไปในแต่ละคน ผู้ใหญ่ส่วนมากต้องการเวลานอนหลับอย่างน้อย 7 ชั่วโมงต่อคืน หากรูปแบบการนอนหลับของคุณส่งผลต่อคุณภาพการใช้ชีวิต การดูแลตัวเองที่บ้านอาจช่วยได้
อ่านบทความนี้ต่อเพื่อเรียนรู้การควบคุมรูปแบบการนอนของคุณผ่าน ยา การออกกำลังกาย และการดูแลตัวเองที่บ้าน
วิธีที่ 1 การทำสมาธิ
การทำสมาธิเป็นการหายใจอย่างช้า ๆ และมั่นคง เราจะสังเกตลมหายใจ ร่างกาย ความคิด และความรู้สึกที่เกิดขึ้นมา และผ่านไป
การทำสมาธิมีประโยชน์ต่อร่างกายมากมายหากใช้ชีวิตอย่างมีสุขภาพดีไปด้วยจะช่วยให้หลับได้ดีขึ้น มันช่วยลดความเครียด ช่วยให้จดจ่อได้มากขึ้น และช่วยฟื้นฟูระบบภูมิคุ้มกัน
การทำสามธิทำให้อาการนอนไม่หลับและรูปแบบการนอนทั้งหมดดีขึ้น ผู้เข้าร่วมเข้าร่วมการเรียนทำสมาธิรายสัปดาห์ เป็นเวลาทั้งวัน และฝึกฝนที่บ้านในช่วงของการเรียน
คุณสามารถทำสมาธิได้บ่อยเท่าที่ต้องการ หากคุณไม่มีเวลาที่จะทำนาน ๆ คุณสามารถทำ 15 นาทีในตอนเช้า หรือตอนเย็นได้ คุณควรเข้าร่วมกลุ่มทำสมาธิสัปดาห์ละครั้งเพื่อเป็นแรงบรรดาลใจ หรือคุณอาจเลือกเข้าร่วมการทำสมาธิแบบออนไลน์ได้เช่นกัน
การทำสมาธินั้นเป็นการฝึกปฏิบัติที่ปลอดภัย แต่มันมีประสิทธิภาพที่จะทำให้สภาพจิตใจเข้มแข็งขึ้น แต่หากมันทำให้คุณรู้สึกเป็นทุกข์หรือสับสน ควรหยุดปฏิบัติ
วิธีที่ 2 การสวดมนต์
การสวดมนต์หรือการพูดเกี่ยวกับสิ่งที่ดี ๆ ซ้ำ ๆ สามารถช่วยให้คุณมีสมาธิและทำให้ใจเย็นลงได้ การสวดมนต์เป็นการสร้างความรู้สึกผ่อนคลายโดยการทำให้ความคิดเงียบสงบลง
คุณอาจสวดมนต์เป็นภาษาสันสกฤต อังกฤษ หรือภาษาอื่น ๆ คุณสามารถหามันได้ออนไลน์ หรือทำบทสวดที่คุณคิดว่าใช่สำหรับคุณขึ้นมา คุณควรเลือกบทสวดที่คุณพึงพอใจและทำให้คุณสงบ มันควรจะเป็นบทสวดง่าย ๆ มีความหมายบวก บทสวดที่ดีจะทำให้คุณสามารถจดจ่อกับการซ้ำของเสียงได้ ซึ่งจะทำให้คุณผ่อนคลายและนอนหลับ
สวดมนต์ในใจหรือสวดออกมา จดจ่อกับคำต่าง ๆ ค่อย ๆ ดึงความคิดกลับมาที่บทสวดหากคุณรู้สึกว่าฟุ้งซ่าน คุณอาจฟังบทสวดที่เป็นเพลงได้ การสวดมนต์นั้นสามารถทำได้บ่อยเท่าที่ต้องการ คุณอาจเลือกบทสวดอื่นสำหรับตอนกลางวันด้วยได้
หากคุณรู้สึกว่าบทสวดนั้นทำให้คุณป่วยหรือรู้สึกปั่นป่วนใจ คุณควรจะหยุด
วิธีที่ 3 โยคะ
เพื่อเพิ่มผลลัพท์ที่ดีของการนอนหลับ โยคะอาจช่วยบรรเทาความเครียด ทำให้ร่างกายทำงานได้ดีขึ้น และช่วยฟื้นฟูการจดจ่อของจิตใจ
เลือกแบบที่มุ่งเน้นไปที่การเคลื่อนไหวแบบมีสมาธิ หรือการหายใจเพื่อที่จะฝึกท่าที่ยาก ๆ การเคลื่อนไหวช้า ๆ จะทำให้คุณอยู่กับปัจจุบันและมีสมาธิ
พยายามใช้เวลากับการฝึกให้นานขึ้นในแต่ละสัปดาห์ และฝึกเองอย่างน้อย 20 นาทีทุกวัน การทำท่าต่าง ๆ ก่อนนอนจะช่วยให้คุณรู้สึกผ่อนคลายและคลายเครียดได้
หากคุณไม่รู้สึกว่าอยากทำท่าทางต่าง ๆ อย่าบังคับตัวเอง การบังคับตัวเองให้ทำอาจทำให้เกิดการบาดเจ็บ คุณควรทำสิ่งที่ดีต่อคุณและต่อร่างกายของคุณ แล้วมันก็ต่างกันไปในแต่ละคน
วิธีที่ 4 ออกกำลังกาย
การออกกำลังกายช่วยฟื้นฟูสุขภาพทั้งหมด มันช่วยให้อารมณ์ดีขึ้น ให้พลังงานมากขึ้น ช่วยให้น้ำหนักลด และทำให้หลับดีขึ้น
ผู้เข้าร่วมการศึกษาในปี 2015 ออกกำลังกายอย่างน้อย 150 นาทีต่อสัปดาห์เป็นเวลา 6 เดือน ในระหว่างเวลานั้น นักวิจัยพบว่าผู้เข้าร่วมมีอาการของโรคนอนไม่หลับน้อยลงอย่างมีนัยะสำคัญ ทั้งยังช่วยลดอาการของโรคซึมเศร้าและวิตกกังวลอีกด้วย
วิธีที่ 5 การนวด
การบำบัดโดยการนวดมีประโยชน์ตอผู้ที่เป็นโรคนอนไม่หลับโดยการทำให้นอนหลับดีขึ้นและความผิดปกติจากการนอนไม่หลับในตอนกลางวันดีขึ้น มันอาจช่วยลดความรู้สึกเจ็บปวด ความวิตกกังวล และซึมเศร้าได้
หากการนวดโดยผุ้เชี่ยวชาญไม่ใช่สิ่งที่คุณต้องการ คุณสามารถนวดตัวเองได้ คุณอาจให้เพื่อนหรือคนรักช่วยนวดให้ได้ ปล่อยให้จิตใจของคุณรู้สึกถึงความรู้สึกของการสัมผัสเมื่อคุณรู้สึกฟุ้งซ่าน คุณสามารถหาเคล็ดลับได้ออนไลน์
ในขณะที่การนวดนั้นมีประโยชน์ คุณควรปรึกษาแพทย์ก่อนว่าคุณสามารถนวดได้หรือไม่ หากผิวของคุณไวต่อครีมหรือน้ำมัน คุณควรจะทำการทดสอบก่อนที่จะใช้
วิธีที่ 6 แม็กนีเซียม
แม็กนีเซียมเป็นแร่ธาตุธรรมชาติ มันช่วยให้กล้ามเนื้อผ่อนคลายและลดความเครียด แล้วมันก็ถูกเชื่อว่าเป็นตัวที่ทำให้หลับดีขึ้น
รับประทานแม็กนีเซียม 500 มิลลิกรัมทุกวันเป็นเวลา 2 เดือน ระหว่างช่วงเวลานี้ นักวิจัยพบว่าผู้เข้าร่วมที่มีอาการไม่หลับมีอาการดีขึ้นและหลับดีขึ้น
ผู้ชายอาจรับประทาน 400 มิลลิกรัมต่อวัน ผู้หญิงอาจรับประทาน 300 มิลลิกรัมต่อวัน อาจแบ่งปริมาณยาเป็นตอนเช้ากับตอนเย็น หรือทานครั้งเดียวก่อนนอนก็ได้
ผลข้างเคียงคือปัญหาเกี่ยวกับกระเพาะและลำไส้ คุณอาจเริ่มที่ปริมาณน้อย ๆ ก่อนและเพิ่มปริมาณขึ้นดุว่าร่างกายจะตอบสนองอย่างไร การรับประทานร่วมกับมื้ออาหารอาจทำให้ระคายเคืองกระเพาะอาหารน้อยลง ควรปรึกษาแพทย์ก่อนรับประทานยาหากรับประทานยาอื่นอยู่
คุณม่ควรจะรับประทานอาหารเสริมแม็กนีเซียมอย่างต่อเนื่อง ควรหยุดพัก 2-3 วันทุก ๆ 2 สัปดาห์ อย่ารับประทานเกินปริมาณที่แนะนำบนฉลาก
วิธีที่ 7 น้ำมันลาเวนเดอร์
ลาเวนเดอร์ช่วยทำให้อารมณ์ดีขึ้น ลดปวด และทำให้นอนหลับดีขึ้น การรับประทานนั้นได้ผลที่ดีมากกว่า
น้ำมันลาเวนเดอร์ชนิดแคปซูลช่วยให้นอนหลับดขึ้นเมื่อทานร่วมกับยาต้านซึมเศร้าในผู้ที่เป็นโรคซึมเศร้า ทั้งยังช่วยลดความวิตกกังวล ซึ่งทำให้นอนหลับดีขึ้น
รับประทานลาเวนเดอร์ชนิดรับประทาน 20-80 มิลลิกรัมต่อวัน คุณอาจพรมหรือฉีดน้ำมันลาเวนเดอร์ลงบนหมอนของคุณได้ ชาลาเวนเดอร์ก็สามารถช่วยได้เช่นกัน
ลาเวนเดอร์นั้นปลอดภัย การรับประทานลาเวนเดอร์แบบรับประทานอาจทำให้เกิดการปวดหัว ท้องผูก หรือคลื่นไส้ได้
วิธีที่ 8 เมลาโทนิน
เมลาโทนินสามารถช่วยให้คุณหลับได้อย่างรวดเร็วและช่วยเพิ่มคุณภพในการนอนหลับ
เมลาโทนินช่วยให้ผู้ป่วยมะเร็งและโรคนอนไม่หลับนอนหลับได้ดีขึ้น คุณภาพการนอนเพิ่มขึ้นใน 7-14 วัน
รับประทาน 1-5 มิลลิกรัม 30 นาทีถึง 2 ชั่วโมงก่อนที่คุณจะหลับ คุณควรใช้ในปริมาณน้อยที่สุด เพราะหากรับประทานปริมาณมากอาจทำให้เกิดผลข้างเคียงได้
ดังนี้:
● ซึมเศร้า
● เวียนหัว
● ปวดหัว
● หงุดหงิด
● ปวดท้อง
● การตื่นตอนกลางคืน
เมลาโทนินนั้นปลอดภัยที่จะใช้ในเวลาสั้น ๆ
สรุป
ในหลายกรณี การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการใช้ชีวิตสามารถช่วยทำให้โรคนอนไม่หลับบรรเทาลงได้ ปกติแล้ว โรคนอนไม่หลับที่เกิดขึ้นไม่บ่อยมักเกิดขึ้นเพียงไม่กี่วันหรือไม่กี่สัปดาห์ แต่ในกรณีที่รุนแรง มันอาจเกิดขึ้นยาวนานกว่า 3 เดือนหรือมากกว่านั้น หากอาการของคุณเป็นติดต่อกันนานหลายสัปดาห์ ควรปรึกษาแพทย์
คุณอาจวางแผนว่าจะทำอะไรหากนอนไม่หลับ คุณอาจนอนผ่อนคลายบนเตียงดดยไม่หลับ ย้ายไปห้องอื่นเพื่อที่จะทำสิ่งที่ผ่อนคลาย หรือลุกขึ้นแล้วทำอะไรที่มีประโยชน์ หาวิธรีที่เหมาะกับคุณ
การจดบันทึกเกี่ยวกับการนอนอาจช่วยให้ทราบถึงปัจจัยที่ทำให้นอนไม่หลับได้ จดบันทึกเกี่ยวกับกิจวัตรในตอนกลางคืน สิ่งที่กินหรือดื่ม และยาที่กำลังกินอยู่
นี่คือแหล่งที่มาในบทความของเรา
● https://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/insomnia/symptoms-causes/syc-20355167
● https://www.webmd.com/sleep-disorders/insomnia-symptoms-and-causes
● https://www.sleepfoundation.org/insomnia
● https://www.nhs.uk/conditions/insomnia/
25 May, 2021 | สุมุกดา ฉิมโพธิ์กลาง | No Comments
โรคนอนไม่หลับ (Insomnia)
โรคนอนไม่หลับ (Insomnia)
โรคนอนไม่หลับ (Insomnia) เป็นภาวะผิดปกติทางการนอนหลับที่ทำให้นอนหลับยาก หรือเป็นสาเหตุให้ตื่นเช้าเกินไปและไม่สามารถนอนต่อได้ คุณอาจจะรู้สึกเหนื่อยเมื่อตื่นขึ้นมา โรคนอนไม่หลับไม่เพียงแต่จะทำให้พลังงานและอารมณ์ของคุณแย่ลงเท่านั้น แต่ยังรวมถึงสุขภาพ ประสิทธิภาพการทำงาน และคุณภาพชีวิตอีกด้วย
ความเพียงพอของการนอนหลับนั้นต่างกันไปในแต่ละบุคคล แต่ผู้ใหญ่ส่วนมากต้องการการนอนหลับ 7-8 ชั่วโมงต่อคืน
ในบางครั้งผู้ใหญ่หลายคนประสบกับโรคนอนไม่หลับในช่วงสั้น ๆ (ฉับพลัน) ซึ่งอาจเป็นเวลาไม่กี่วันถึงหลายสัปดาห์ โดยปกติแล้วเป็นผลมาจากความเครียดหรือเหตุการณ์ที่ทำให้เกิดความบอบช้ำทางจิตใจ แต่บางคนเป็นโรคนอนไม่หลับติดต่อกันเป็นเวลานาน (เรื้อรัง) ซึ่งอาจเป็นเวลายาวนานหลายเดือนหรือมากกว่านั้น การนอนไม่หลับอาจเป็นปัญหาหลักหรืออาจเป็นปัญหาที่เกิดจากโรคหรือการใช้ยาอื่น ๆ
คุณไม่จำเป็นต้องทนกับคืนที่นอนไม่หลับ การเปลี่ยนแปลงเล็ก ๆ น้อย ๆ ในกินวัตรประจำวันสามารถช่วยได้
อาการของโรคนอนไม่หลับ
อาการของโรคนอนไม่หลับ อาจมีดังนี้:
● นอนหลับยากในตอนกลางคืน
● ตื่นระหว่างคืน
● ตื่นเช้าเกินไป
● รู้สึกเหมือนไม่ได้นอน
● รู้สึกเหนื่อยและง่วงนอนระหว่างวัน
● หงุดหงิด ซึมเศร้า วิตกกังวล
● ไม่มีสมาธิจดจ่อในการทำสิ่งต่าง ๆ หรือจำสิ่งต่าง ๆ
● เกิดข้อผิดพลาดหรืออุบัติเหตุ
● รู้สึกกังวลเกี่ยวกับการนอนหลับ
เมื่อไหร่ที่ต้องไปหาหมอ
หากโรคนอนไม่หลับทำให้คุณมีปัญหาในการทำงานระหว่างวัน คุณควรไปหาหมอเพื่อหาสาเหตุของการนอนไม่หลับเพื่อที่จะได้รักษา
สาเหตุของโรคนอนไม่หลับ
โรคนอนไม่หลับอาจเป็นปัญหาหลัก หรืออาจเป็นปัญหาจากโรคอื่น
โรคนอนไม่หลับเรื้อรังเป็นผลมาจากความเครียด เหตุการณ์ในชีวิต หรือนิสัยที่รบกวนการนอนหลับ การรักษาสาเหตุที่ซ่อนอยู่สามารถแก้ปัญหาการนอนหลับได้ แต่บางครั้งก็อาจใช้เวลาหลายปี
สาเหตุของโรคนอนไม่หลับเรื้อรังมีดังนี้:
● ความเครียด นอนไม่หลับ ความกังวลเกี่ยวกับงาน การเรียน สุขภาพ การเงิน หรือครอบครัวที่ทำให้ความคิดยังตื่นตัวในตอนกลางคืน ทำให้ยากแก่การนอนหลับ เหตุการณ์เครียดในชีวิตหรือบาดแผลทางจิตใจ เช่น ความตาย หรือ ความเจ็บป่วยของคนรัก การหย่าร้าง หรือการสูญเสียงาน อาจทำให้เกิดอาการนอนไม่หลับได้
● การเดินทางหรือตารางการทำงาน นาฬิกาชีวิตของคุณเปรียบเสมือนนาฬิกาภายใน เช่น การหลับและการตื่น การเผาผลาญ และอุณหภูมิร่างกาย การรบกวนนาฬิกาชีวภาพสามารถทำให้เกิดการนอนไม่หลับได้ สาเหตุรวมไปถึงเจ็ทเเล็กจากการเดินทางข้ามเขตเวลา ทำงานกะดึกหรือกะเช้า หรือเปลี่ยนกะบ่อย ๆ
● มีพฤติกรรมการนอนที่ไม่ดี นอนไม่เป็นเวลา งีบบ่อย ทำกิจกรรมที่ตื่นตัวก่อนนอน มีสภาพแวดล้อมการนอนที่ไม่ดี ทำงาน กิน ดูทีวีบนเตียง ใช้คอมพิวเตอร์ ทีวี มือถือ เล่นเกมส์ หรือการใช้หน้าจออื่น ๆ ก่อนการนอนรบกวนวงจรการนอนหลับ
● กินของว่างเล็กน้อยก่อนเวลานอนนั้นไม่เป็นไร แต่การกินมากไปอาจทำให้รู้สึกไม่สบายตัวเวลานอน หลายคนอาจมีอาการจุกเสียดท้อง กรดและอาหารไหลย้อนขึ้นไปที่หลอดอาหารหลังจากการกิน ซึ่งทำให้นอนไม่หลับ
โรคนอนไม่หลับเรื้อรังอาจเกิดจากโรคประจำตัวหรือการใช้ยาบาชนิด การรักาาโรคนั้น ๆ อาจทำให้การนอนหลับดีขึ้น แต่โรคนอนไม่หลับก็อาจจะยังคงอยู่หลังจากโรคนั้นได้รับการรักษาแล้ว
สาเหตุอื่น ๆ ของโรคนอนไม่หลับ:
● ความผิดปกติทางจิตใจ ความวิตกกังวล เช่น ภาวะป่วยทางจิตจากเหตุการณ์รุนแรง อาจรบกวนการนอนหลับของคุณ การตื่นนอนเช้าเกินไปอาจเป็นสัญญาณของโรคซึมเศร้า โรคนอนไม่หลับมักจะเกิดจากความผิดปกติทางจิตใจเช่นกัน
● ยา ยาที่ได้รับจากแพทย์บางชนิดอาจทำให้นอนไม่หลับ เช่น ยาต้านซึมเศร้าบางชนิด และยาสำหรับหอบหืดหรือยาความดัน ยาที่หาซื้อได้ตามร้านขายยาทั่วไป เช่น ยาแก้ปวดบางชนิด ยาแก้แพ้ ยาแก้หวัด ผลิตภัณฑ์ลดน้ำหนักที่มีคาเฟอีนและสารกระตุ้นอื่นที่รบกวนการนอนหลับ
● โรคประจำตัวต่าง ๆ โรคที่ทำให้เกิดการนอนไม่หลับเช่น การปวดเรื้อรัง มะเร็ง เบาหวาน โรคหัวใจ หอบหืด โรคกรดไหลย้อน ไทรอยด์เป็นพิษ กลุ่มโรคพาร์กินสัน และโรคอัลไซเมอร์
● ความผิดปกติที่เกี่ยวข้องกับการนอนหลับ โรคหยุดหายใจขณะหลับทำให้คุณหยุดหายใจเป็นช่วง ๆ ระหว่างที่นอนหลับ ซึ่งรบกวนการนอนหลับ กลุ่มอาการขาไม่อยู่สุข ทำให้เกิดความรู้สึกไม่ดีที่ขาและต้องเคลื่อนไหวขาอย่างไม่สามารถควบคุมได้ ซึ่งอาจทำให้คุณนอนไม่หลับ
● คาเฟอีน นิโคติน และแอลกอฮอล์ กาแฟ ชา โค้กและเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนอื่น ๆ เป็นตัวกระตุ้น การดื่มเครื่องดื่มเหล่านี้ในเวลาบ่ายแก่ ๆ หรือในตอนเย็นทำให้คุณไม่ง่วงนอนในตอนกลางคืน นิโคตินในยาสูบเป็นสารกระตุ้นที่ไปรบกวนการนอนหลับ แอลกอฮอล์อาจทำให้คุณนอนหลับได้ แต่ทำให้ไม่สามารถหลับลึกได้และทำให้ตื่นในตอนกลางคืน
โรคนอนไม่หลับกับอายุที่เพิ่มขึ้น
เมื่อคุณอายุมากขึ้น คุณอาจมีปัญหาการนอนไม่หลับ:
● การเปลี่ยนรูปแบบการนอน คุณมักพักผ่อนน้อยลงเมื่ออายุมากขึ้น เสียงต่าง ๆ หรือการเปลี่ยนแปลงอื่น ๆ ในสภาพแวดล้อมของการนอนหลับอาจทำให้คุณตื่นได้ ดังนั้น คุณจะเหนื่อยในตอนเย็นและตื่นเช้าในตอนเช้า แต่ผู้สูงอายุก็ยังต้องการเวลาในการนอนหลับเท่า ๆ กับคนหนุ่มสาว
● การเปลี่ยนแปลงของกิจกรรม คุณอาจจะทำกิจกรรมที่ใช้ร่างกายหรือทำกิจกรรมทางสังคมน้อยลง ซึ่งการไม่ทำกิจกรรมสามารถรบกวนการนอนหลับได้ และเมื่อคุณตื่นตัวน้อยลง คุณก็มีแนวโน้มที่จะงีบหลับมากขึ้น ซึ่งสามารถรบกวนการนอนหลับในตอนกลางคืนได้
● สุขภาพเปลี่ยน การปวดเรือรัง เช่น ข้ออักเสบหรือหลังมีปัญหาหรือโรคซึมเศร้า หรือวิตกกังวลสามารถรบกวรการนอนหลับได้ หรือเป็นปัญหาที่ทำให้ตื่นมาฉี่ในตอนกลางคืน เช่น ต่อมลูกหมาก หรือกระเพาะปัสสาวะมีปัญหารบกวนการนอนหลับ ภาวะหยุดหายใจขณะหลับและภาวะขาอยู่ไม่สุขพบมากเมื่ออายุเพิ่มขึ้น
● ใช้ยามากขึ้น ผู้สูงอายุมักใช้ยามากกว่าคนหนุมสาว ซึ่งอาจทำให้เกิดการนอนไม่หลับอันเนื่องมาจากยา
การนอนไม่หลับในเด็กและวัยรุ่น
ปัญหาการนอนหลับอาจเป็นที่น่ากังวลของเด็กและวัยรุ่นเช่นกัน อย่างไรก็ตาม เด็ดและวัยรุ่นบางคนอาจมีปัญหาการนอนหลับเพราะนาฬิกาชีวภาพของพวเขาล่าช้า พวกเขาต้องการนอนดึกและนอนต่อในตอนเช้า
ภาวะแทรกซ้อน
การนอนหลับเป็นสิ่งที่สำคัญต่อสุขภาพเท่า ๆ กับอาหารที่ดีต่อสุขภาพหรือกิจกรรมทางร่างกายต่าง ๆ ไม่ว่าปัญหาการนอนไม่หลับจะเป็นอะไร มันสามารถส่งผลกระทบต่อคุณได้ทั้งทางจิตใจและทางร่างกาย ผู้ที่เป็นโรคนอนไม่หลับมีคุณภาพชีวิตที่ต่ำกว่าเมื่อเทียบกับผู้ที่นอนหลับดี
ภาวะแทรกซ้อนของโรคนอนไม่หลับอาจมีดังนี้:
● ประสิทธิภาพการทำงานหรือการเรียนลดลง
● การตอบสนองในการขับรถช้าลงและความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุเพิ่มมากขึ้น
● มีความปิดปกติทางสุขภาพจิต เช่น โรคซึมเศร้า วิตกกังวล หรือการใช้สารเสพติด
● เพิ่มความเสี่ยงและความรุนแรงของโรคและภาวะต่าง ๆ เช่น โรคความดันโลหิตสูงและโรคหัวใจ
การป้องกัน
นิสัยการนอนที่ดีสามารถป้องกันโรคนอนไม่หลับและทำให้หลับดีขึ้นได้:
● ตื่น หลับ ให้เป็นเวลาทุกวัน รวมถึงวันหยุดด้วย
● ทำกิจกรรมในชีวิตประจำวันเสมอจะทำให้หลับดีขึ้น
● ตรวจสอบยาที่ใช้อยู่เพื่อดูว่าเป็นาเหตุของการนอนไม่หลับหรือไม่
● หลีกเลี่ยง หรือจำกัดการงีบหลับ
● หลีกเลี่ยง หรือจำกัดเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนและแอลกอฮอล์ ไม่ใช้นิโคติน เพราะจะส่งผลให้นอนไม่หลับ กระสับกระส่าย
● หลีกเลี่ยงอาหารมื้อใหญ่หรือเครื่องดื่มเยอะ ๆ ก่อนนอน
● ทำเตียงให้น่านอน และใช้สำหรับการมีเพศสัมพันธ์หรือการนอนหลับเท่านั้น
● สร้างบรรยากาศที่ผ่อนคลายเมื่อจะนอน เช่น การอาบน้ำอุ่น การอ่านหนังสือ หรือการฟังเพลงเบา ๆ
นี่คือแหล่งที่มาในบทความของเรา
● https://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/insomnia/symptoms-causes/syc-20355167
● https://www.webmd.com/sleep-disorders/insomnia-symptoms-and-causes
● https://www.nhs.uk/conditions/insomnia/
● https://my.clevelandclinic.org/health/diseases/12119-insomnia